ไนโตรเจน คือ ???
เป็นประเด็นที่คนกลัวเลยล่ะครับ ว่าไอ้เจ้าไนโตรเจนอะไรเนี่ย เรา
เอามาเติมทำไม ยิ่งบางคนได้ยินเพียงคำว่า ไนโตร เฉย ๆ ก็พาลคิดไปถึง ระเบิด
ไอ้นั่นมันคือ ไนโตรมีเทน จริงๆ ไม่ใช่เลยครับ คนละสิ่งอย่างกันกับ ไนโตรเจน
เพียงแต่คนจะพูดกัน ย่อ ๆ แล้วก็คิดกันไปนู่น คำว่า ไนโตรเจน หรือ N2 (เอ็น-ทู) ในสัญลักษณ์ทางวิทยาศาสตร์ ไนโตรเจน จะอยู่ในสถานะของ ก๊าซ
ไม่ใช่ ลม แบบปกติ ซึ่งปกติ ก๊าซไนโตรเจนที่นำมา เติมแทนลมยาง
ควรมีความบริสุทธิ์อยู่ประมาณ 93% ซึ่งที่มาทางวิทยาศาสตร์
ผมขอไม่พูดถึงเพราะตอนเด็กๆ ไม่เก่งวิชานี้ เลยต้องเบี่ยงเบนมาเรียนสายศิลป์แทน
ไม่เกี่ยวแล้วนี่นะ ซึ่งไนโตรเจน มีประโยชน์อะไรกับยางของเรา
จะพูดถึงในหัวข้อต่อไปนี้
ประโยชน์ของการเติมไนโตรเจนในยาง
เอาละครับ ผมก็ขอพูดถึงเฉพาะส่วนที่เอามา เติมแทนลมยางปกติ
ก็แล้วกันนะครับ จริงๆ การเติมไนโตรเจนในยาง มันไม่ใช่เรื่องใหม่น่าตื่นเต้น
เพราะมีการเติมในยางกันมานานนมแล้ว แต่ก่อนจะนิยมเติมกันใน อากาศยาน และ
รถแข่งสูตร 1 กันมา
นาน เพราะพวกนี้ต้องใช้ความเร็วสูงมาก
จึงต้องการไนโตรเจนที่รักษาแรงดันลมยางได้เสถียรที่สุด
และปัจจุบันก็ได้เป็นทางเลือกใหม่สำหรับ รถยนต์นั่งทั่วไป หลายคนคงตั้งคำถามใน
ใจว่า มันได้ประโยชน์จริงหรือ ซึ่งก็จำแนกได้โดยหลัก ดังนี้
ไนโตรเจน มีความชื้นน้อยกว่าอากาศปกติ = ลมยางเสถียร
ความชื้น ก็คือ เมื่อเกิดการควบแน่นในปริมาณมาก ๆ แล้ว ก็จะเกิด น้ำ
ขึ้น จำได้ไหมครับ ครั้งก่อนหน้า ที่ผมพูดถึงเรื่องของการเติมลม ว่าให้
ระวังลมที่มีน้ำปนอยู่ นี่แหละครับ มันมีสาเหตุมาถึงเรื่องนี้ด้วย
เมื่อมีน้ำปนมากับลม พอเจอกับความร้อน จากยางเวลาหมุนไป ทำให้เกิดการเดือดขึ้น
แรงดันในลมยางจะเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ทำให้ยางกระด้าง ขับแล้วไม่เกาะถนน
รวมไปถึงการทำให้กระทะล้อด้านในเกิดสนิม ส่วนไนโตรเจน ก็จะมีความชื้นต่ำ ทำให้
แรงดันเกิดความเสถียร ทำให้การขับขี่นุ่มนวล
มีการยึดเกาะถนนที่คงที่กว่าอย่างเห็นได้ชัด และไม่ทำให้เกิดสนิมได้ง่ายนัก
ไนโตรเจนไม่ติดไฟ = ไม่ระเบิดด้วยตัวเอง
นี่แหละ เป็นประเด็นที่คนกลัวกันไปเองมากมายนัก
ที่ผมบอกไป ข้างต้น ได้ยินว่า ไนโตร ก็คิดถึง ระเบิด มันคนละเรื่องกันคร๊าบบบบ
พี่น้องทั้งหลาย ตัว ไนโตรเจน มันไม่ติดไฟ และไม่ก่อเกิดให้ไฟติด
เรียกว่าทำปฏิกิริยากับไฟได้ยาก จึงไม่ต้องห่วง ว่ามันจะทำให้ระเบิด
ของพรรค์นี้ถ้าไม่จริงใครจะกล้านำมาใช้ละครับ ไม่งั้นก็คงระเบิดร้านยางกันไปแล้ว
ส่วนอากาศปกติ จะมีปริมาณออกซิเจนอยู่ 1 ใน 5 ส่วน ที่อุณหภูมิเท่ากัน โอกาสที่อากาศจะติดไฟมีมากกว่า
ไนโตรเจนเป็นก๊าซเฉื่อย
= ไม่รั่วไหลง่าย
สืบเนื่องมาจากหัวข้อแรก ลมยางมีออกซิเจนมาก มีความชื้น มี โอกาสทำปฏิกิริยากัดกร่อนโลหะทั้งหลาย เช่น ล้อแม็ก จุ๊บลม ทำให้เกิดสนิม การกัดกร่อนอาจจะทำให้ ลมรั่ว ออกมาได้ง่าย ส่วนไนโตรเจน มันเป็น ก๊าซเฉื่อย เคลื่อนที่ได้ช้า โมเลกุลใหญ่ ทำให้การรั่วไหลของก๊าซออกจากยางมีน้อยกว่าอากาศปกติถึง 6 เท่า ทำให้ แรงดันในยางไม่หายไปง่ายนัก พูดง่าย ๆ ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ลมยางจะหายไปง่ายกว่า ทำให้ต้องเติมลมยางบ่อยกว่าใช้ไนโตรเจน ดังนั้น ไนโตรเจนก็ดีสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลรถมากนัก
คุ้มหรือไม่ที่จะเสียเงินเติม
โดยปกติ เมื่อคุณต้องการเติมไนโตรเจนในยาง ก็ต้องขับรถเข้าไป
ในพวกศูนย์บริการยางที่รับเติมไนโตรเจน จะมีป้ายบอกไว้ ค่าบริการในการเติมครั้งแรก
เฉลี่ยอยู่ที่ 200 บาท ต่อยาง 4 เส้น
ที่ต้องบอกว่าครั้งแรก เพราะเขาต้อง ถ่ายลมยางเดิมออก ให้หมด แล้วค่อยเติมไนโตรเจนเข้าไป
เพื่อให้มีความบริสุทธิ์มากที่สุด ส่วนการเติมครั้งต่อไป หมายถึง การเติมเฉย ๆ
นะครับ ไม่ใช่การเปลี่ยนถ่ายแบบหมดไส้หมดพุง ก็จะเติมฟรี บางทีก็จะเติมฟรี 6
เดือน โดยมีสติกเกอร์ บันทึกวันที่เติมครั้งแรก
ติดข้างเสากลางของตัวรถ มันก็ไม่แพงนะครับ ส่วนตัวผมก็นิยมใช้ไนโตรเจนในรถที่บ้าน
คันที่จำเป็นต้องเดินทาง หรือใช้ความเร็วสูงสักหน่อย ซึ่ง ให้ความรู้สึกที่ดี
อย่างที่เขาว่ามาจริง ๆ ไม่งั้นผมก็คงไม่เติมเป็นแน่
เพราะไม่ชอบทำอะไรตามกระแสที่มันไม่ดีจริง ส่วนจะเติม ด้วยแรงดันเท่าไหร่ดี ก็
อาศัยค่า จากบริษัทรถยนต์ ที่กำหนดมา ให้ใช้กับรถรุ่นนั้น ๆ หรือด้วยหลักเกณฑ์
อย่างที่บอกไปในบทความครั้งก่อนนั่นเอง
แล้วถ้าไม่อยากเติมล่ะ
จะมีผลเสียอะไรไหม
มันก็แล้วแต่ท่านครับ ไม่มีใครบังคับ
ให้ท่านต้องเติมหรอก มันเป็น เพียง ทางเลือก เท่านั้น จริง ๆ แล้ว การเติมลมยางธรรมดา
มันก็ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร คนก็เติมกันเยอะแยะ เพียงแต่ว่า
ไนโตรเจนมีคุณสมบัติดีกว่า ก็เท่านั้นเอง ถ้าท่านคิดว่า ไม่ซีเรีย สอะไรกับรถนัก
ไม่ได้ขับเร็ว ไม่ได้ขับไกล ใช้งานปกติในเมือง ไม่ได้ไปออกทางไกลที่ไหน
ก็เติมลมยางธรรมดาไปเถอะครับ ไม่ต้องไปเสียเงินก็ได้ เพียงแต่ว่า
อย่าเติมลมยางที่มีน้ำ ปนมามาก และ รักษาแรงดันลมยางให้ถูกต้องตามที่กำหนดไว้
ก็เพียงพอแล้ว
ไม่ควรเติมลมยางปกติ
ผสมกับไนโตรเจน
บางทีเวลาวัดแรงดันลมยางแล้วมันพร่องไป
บางคนอาจจะใช้วิธี การเติมลมธรรมดาเข้าไปปนกับไนโตรเจน จริง ๆ
แล้วในทางปฏิบัติก็ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่
เพราะการขยายตัวของทั้งสองชนิดนี้ไม่เหมือนกัน มันก็คงพอได้
หากเติมไปด้วยปริมาณที่ เท่ากันทุกล้อ แต่ถ้าไม่เท่ากัน ผิดกันมาก ๆ ก็จะทำให้
แรงดันลมเวลารถวิ่งปกติในแต่ละล้อไม่เท่ากัน ก็เป็นได้ ทางที่ดี ก็ควรไปเติมไนโตรเจนกลับอย่างเดิม
ก็กลับมาเรื่องเดิม หมั่น เช็คแรงดันลมยางสม่ำเสมอ
แต่ถ้าเกิดจำเป็นต้องเติมลมยางปกติเข้าไปจริง ๆ ก็เติมได้ครับ
ไม่ซีเรียสอะไรคอขาดบาดตายขนาดนั้น
ข้อควรระวัง
ในการเติมลมไนโตรเจนจากสถานีบริการต่างๆ
อันนี้ประสบการณ์ตรง ที่เจอบ่อยมาก การเติมไนโตรเจนก็ดี เวลา เข้าไปเติม ก็เพียงแต่บอกแรงดันที่ต้องการ เจ้าหน้าที่จะกดให้ตามนั้น พอถึงตามกำหนดมันก็จะตัดเอง แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ควรจะมีเกจ์วัดลมยาง ติดตัวไว้ และ วัดลมยางทันทีหลัง จากเติมเสร็จ เพราะบางทีเครื่องมีการ Error กันบ่อยมาก สั่งเติมเท่านี้ ออกมาจริง ๆ แรงดันลมเกินบ้าง ขาดบ้าง จะทำให้แรงดันลมไม่เท่ากันในแต่ละล้อ ผมเคยเจอแตกต่างกันมาก ล้อละไม่ต่ำกว่า 4-5 ปอนด์ ส่งผลเสียอย่างแรง ดีนะว่าวัดด้วยตัวเอง เลยสั่งให้เติมให้พอดีเท่ากัน 4 ล้อ นี่แหละครับ คือข้อเสียของมันที่เราต้องระวัง อย่าเชื่อเครื่องเพียงอย่างเดียว ครับ
ก็จบกันไปเรื่องของการเติมไนโตรเจนแทนลมยางเดิม ผลคุ้มค่าที่ ได้ อาจจะไม่ได้เป็นตัวเงินที่ชัดเจนนัก แต่ในระยะยาว ด้วยคุณสมบัติก็ดีกว่าลมยางทั่วไปพอสมควร แต่ที่ได้แน่ ๆ คือ ฟิลลิ่งของยางที่ดีกว่า ทั้งในด้านความนุ่มนวล และการยึดเกาะ ถนน ทั้งนี้ มันคงไม่เชิงอุปทาน แต่มันเป็นหลักวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ บริษัทยางก็ให้คำแนะนำในการเติมไนโตรเจนไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้อง เติมแรงดันลมยางให้ถูกต้อง และ ขับขี่ ด้วยความระมัดระวัง แม้จะเป็นลมยางธรรมดาก็ตาม ก็จะรักษายางให้อยู่กับเราไปนานๆ ครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.rongrod.com
คลิกหารถสภาพดี ถูกที่สุดในประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น