เจาะสเป็ค Option-ราคา Honda Civic ทุกรุ่นย่อยแบบละเอียด


1.8 E  869,000 บาท
อุปกรณ์มาตรฐาน

- เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 141 แรงม้า แรงบิด 174 นิวตันเมตร
- เกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับน้ำมัน E85
- ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 R16 (เฉพาะรุ่น E)
- ไฟหน้า Projector Lens
- ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED
- ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ เมื่อดับเครื่องยนต์
- มือเปิดประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ
- กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า
- ท่อไอเสียแบบเดี่ยว
- ภายในห้องโดยสารสีดำ / สีเบจ ขึ้นอยู่กับสีตัวถังภายนอก
- เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้า
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ และเครื่องปรับอากาศด้วยรีโมท Engine Remote Start
- ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Keyless Entry
- มาตรวัดพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
- กระจกหน้าต่างไฟฟ้าคู่หน้า ปรับขึ้น-ลง อัตโนมัติ
- ปุ่ม ECON
- พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
- หน้าจอเครื่องเสียง ขนาด 5 นิ้ว
- พวงมาลัย Multi-Function ควบคุมเครื่องเสียงและรับสาย
- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
- ช่องเชื่อมต่อ USB 1 ช่อง
- ลำโพง 4 ตำแหน่ง
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า Electric Parking Brake
- ระบบ Auto Brake Hold
- สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ESS
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VSA
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
- ระบบสัญญาณกันขโมย


1.8 EL  959,000 บาท
(สิ่งที่จะได้เพิ่มจากรุ่น 1.8 E + 90,000 บาท)

- ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 R16 (เฉพาะรุ่น EL)
- ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
- ไฟตัดหมอกคู่หน้า
- มือเปิดประตูด้านนอกโครเมียม
- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง
- พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง
- วัสดุตกแต่งภายในสีดำ Piano Black
- มาตรวัดแบบ TFT พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว
- รองรับระบบ Apple Car Play
- พวงมาลัย Multi-Function ควบคุมเครื่องเสียงและรับสายพร้อมฟังก์ชั่น SWIPE
- เครื่องเสียงรองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียง SIRI
- ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ช่อง
- ช่องเชื่อมต่อ HDMI
- ลำโพง 8 ตำแหน่ง
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
- ระบบล็อครถอัตโนมัติ เมื่อกุญแจรีโมทห่างจากตัวรถ Walk Away Auto Lock


1.5 Turbo  1,099,000 บาท
(สิ่งที่จะได้เพิ่มจากรุ่น 1.8 EL + 140,000 บาท)

- เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร Turbo 173 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร
- เกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับน้ำมัน E20
- ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
- ท่อไอเสียแบบคู่
- ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/50 R17 (เฉพาะรุ่น Turbo)
- ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวา
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง


1.5 Turbo RS  1,199,000 บาท
(สิ่งที่จะได้เพิ่มจากรุ่น 1.5 turbo + 100,000 บาท)

- ไฟหน้าแบบ Full LED
- ไฟตัดหมอกแบบ LED
- กันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต RS
- สปอยเลอร์หลังแบบ Wing พร้อมไฟเบรกแบบ LED
- ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/50 R17 (เฉพาะรุ่น Turbo RS)
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
- กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
- แป้นคันเร่ง และแป้นเบรกแบบสปอร์ต
- ระบบนำทาง Navigation System
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตา Honda LaneWatch
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- ม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า

ราคาอย่างเป็นทางการและรายละเอียด Honda Civic ทั้งหมด รับชมได้ที่
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=49396.0

ภาพ Official ทั้งหมด รายละเอียดและเป้ายอดขายของ Honda Civic รับชมได้ที่
http://www.headlightmag.com/honda-civic-2015-10th-generation-18-15turbo/

ชมภาพ Honda Civic พร้อมชุดแต่ง Modulo ได้ที่ link นี้
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=49397.0


ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

www.facebook.com/kcycar


วันเข้าพรรษา ประวัติความเป็นมาและข้อมูลของวันเข้าพรรษา

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วันเข้าพรรษา

วันเข้าพรรษา พ.ศ 2560 ตรงกับวันที่ 9 กรกฎาคม 2560

รู้จักความเป็นมาและข้อมูลของวันเข้าพรรษา

   การเข้าพรรษา เป็นพุทธบัญญัติ ซึ่งพระภิกษุทุกรูปจะต้องปฏิบัติตาม หมายถึง การอธิษฐานอยู่ประจำที่ไม่เที่ยวจาริกไปยังสถานที่ต่างๆ เว้นแต่มีกิจจำเป็นจริง ๆช่วงจำพรรษาจะอยู่ในช่วงฤดูฝนคือแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถึง ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี ดังนั้น วันเข้าพรรษา หมายถึง วันที่พระภิกษุในพระพุทธศาสนาอธิษฐานอยู่ประจำในวัด หรือเสนาสนะที่คุ้มแดดคุ้มฝนได้แห่งหนึ่งไม่ไปค้างแรมในที่อื่น ตลอด ๓ เดือนในฤดูฝน

          วันเข้าพรรษา เป็นวันที่พระสงฆ์เริ่มอยู่จำพรรษาตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำเดือน 8 จนถึงกลางเดือน 11 วันเข้าพรรษาที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้มีอยู่ 2 วันคือ 

          - วันเข้าปุริมพรรษา คือวันเข้าพรรษาแรก ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ไปจนถึงวันเพ็ญกลางเดือน 11 
          - วันเข้าปัจฉิมพรรษา  คือวันเข้าพรรษาหลัง ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำเดือน 9 ไปจนถึงวันเพ็ญเดือน 12 
เมื่อเข้าพรรษาแล้วหากภิกษุมีกิจธุระจำเป็น อันชอบด้วยพระวินัย พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาตให้ไปได้ โดยมีข้อจำกัดว่าจะต้องกลับมายังสถานที่จำพรรษาเดิมภายใน 7 วัน ที่เรียกว่า สัตตาหกรณียะ ดังต่อไปนี้ 

            1.   เมื่อทายกทายิกา ปราถนาจะบำเพ็ญกุศล เมื่อมานิมนต์ก็ให้ไปเพื่อรักษาศรัทธาได้ 
            2.   ถ้าสงฆ์ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งเกิดอธิกรณ์ขึ้น ก็ให้ไปเพื่อระงับอธิกรณ์ได้ 
            3.   ถ้าบิดา มารดา ญาติ พี่น้อง พระอุปัชฌาย์ อาจารย์ เป็นไข้ เมื่อทราบก็ให้ไปได้ 
            4.   พระวิหารในที่แห่งอื่นเกิดชำรุดเสียหาย ให้ไปหาสิ่งของเพื่อมาปฏิสังขรพระวิหารนั้นได้ 
            5.   เมื่อถูกสัตว์ร้ายรบกวน ถูกโจรปล้น พระวิหารถูกไฟไหม้ หรือถูกน้ำท่วม ก็ให้ไปจากที่นั้นได้ 
            6.   เมื่อชาวบ้านถูกโจรปล้น อพยพหนีไป ก็ให้ไปกับพวกชาวบ้านได้โดยให้ไปกับชาวบ้านที่มีความเลื่อมใสศรัทธา สามารถที่จะให้ความอุปถัมภ์ได้ 
            7.   เมื่อที่ใดเกิดความขาดแคลน อาหารหรือยารักษาโรค ขาดผู้อุปถัมภ์บำรุง ได้รับความลำบากก็อนุญาตให้ไปจากที่นั้นได้ 
            8.   ถ้าหากมีผู้เอาทรัพย์มาล่อ ก็อนุญาตให้ไปจากที่นั้นได้ 
            9.   หากภิกษุสงฆ์หรือภิกษุณีสงฆ์แตกกันหรือมีผู้พยายามจะให้แตกกัน ถ้าการไปจากที่นั้นสามารถระงับการแตกกันได้ ก็อนุญาตให้ไปได้
          ใน วันเข้าพรรษา ถือว่าเป็นกรณียกิจพิเศษสำหรับพระภิกษุสงฆ์ จะมีการประชุมกันในพระอุโบสถ ไหว้พระสวดมนต์ ขอขมาซึ่งกันและกัน เสร็จแล้วก็ประกอบพิธีเข้าพรรษา ภิกษุจะอธิษฐานใจตนเองว่า ตลอดฤดูกาลเข้าพรรษานี้ตนเองจะไม่ไปไหน ด้วยการเปล่งวาจาว่า 
          อิมสฺมึ  อาวาเส  อิมํ  เตมาสํ  วสฺสํ  อุเปมิ    หรือ    อิมสฺมึ  วิหาเร  อิมํ  เตมาสํ  วสฺสํ  อุเปมิ แปลว่า  ข้าพเจ้าขออยู่จำพรรษาตลอด 3 เดือน ในอาวาสนี้ หรือในวิหารนี้  (ว่า 3 ครั้ง)  หลังจากเสร็จพิธีเข้าพรรษาแล้วก็นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปนมัสการปูชนียวัตถุที่สำคัญในอาวาสนั้น  ในวันต่อมาก็นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปขอขมาพระอุปัชฌาย์อาจารย์ และพระเถระที่ตนเคารพนับถือ

ความสำคัญของวันเข้าพรรษา

วันเข้าพรรษานี้มีความสำคัญต่อพุทธศาสนิกชนและเป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนาด้วยเหตุผลดังนี้
           ๑. พระภิกษุจะหยุดจาริกไปยังสถานที่อื่นๆแต่จะเข้าพักอยู่ประจำในวัดแห่งเดียวตามพุทธบัญญัติ 
           ๒. การที่พระภิกษุอยู่ประจำที่นานๆ ย่อมมีโอกาสได้สงเคราะห์กุลบุตรที่ประสงค์จะอุปสมบทเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและสงเคราะห์พุทธบริษัททั่วไป 
           ๓. เป็นเทศกาลที่พระพุทธศาสนิกชนงดเว้นอบายมุขและความชั่วต่าง ๆ เช่น การดื่มสุราสิ่งเสพติด และการเที่ยวเตร่เฮฮา เป็นต้น ๔. นอกจากเป็นเทศกาลที่พุทธศาสนิกชนงดเว้นอบายมุขและความชั่วต่าง ๆ แล้วในช่วงเวลาพรรษา พุทธศาสนิกชนทั่วไปจะบำเพ็ญทาน รักษาศีลฟังธรรม และเจริญภาวนามากขึ้น

พิธีทางศาสนา

    การบำเพ็ญกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษานี้ยังมีประเพณีสำคัญอยู่ ๒ ประเพณี ควรนำมากล่าวไว้ ณ ที่นี้ ดังนี้
๑. ประเพณีแห่เทียนพรรษา
           ประเพณีนี้คงเกิดขึ้นจากความจำเป็นที่ว่าสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าใช้กันดังปัจจุบัน เมื่อพระสงฆ์จำพรรษารวมกันมาก ๆก็จำต้องปฏิบัติกิจวัตรเช่น การทำวัตรสวดมนต์เช้ามืดและตอนพลบค่ำ การศึกษาพระปริยัติธรรมกิจกรรมเหล่านี้ล้วนต้องการแสงสว่างโดยเฉพาะ แสงสว่างจากเทียนที่พระสงฆ์จุดบูชาพระรัตนตรัยและเพื่อต้องการใช้แสงสว่างโดยตรงด้วยเหตุนี้พุทธศาสนิกชนจึงนิยมหล่อเทียนต้นใหญ่ กะว่าจะจุดได้ตลอดเวลา ๓ เดือนไปถวายพระภิกษุในวัดใกล้ ๆบ้านเป็นพุทธบูชา เทียนดังกล่าวเรียกว่า เทียนจำนำพรรษา
           ก่อนจะนำเทียนไปถวายนี้ ชาวบ้านมักจัดเป็นขบวนแห่แหนกันไปอย่างเอิกเกริกสนุกสนานเรียกว่าประเพณีแห่เทียนจำนำพรรษาดังขอสรุปเนื้อหาจากหนังสือนางนพมาศ ดังนี้
           เมื่อถึงวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ทั้งทหารบกและทหารเรือก็จัดขบวนแห่เทียนจำนำพรรษา ทั้งใส่คานหาบไปและลงเรือประดิษฐานอยู่ในบุษบกทองคำประดับธงทิว ตีกลอง เป่าแตรสังข์ แห่ไป ครั้นถึงพระอารามแล้วก็ยกต้นเทียนนั้นเข้าไปถวายในพระอุโบสถหอพระธรรม และพระวิหารจุดตามให้สว่างไสวในที่นั้นๆ ตลอด ๓ เดือน ดังนี้ทุกพระอาราม
           ในวัดราษฎร์ทั้งหลาย ก็มีพิธีทำนองนี้ทั่วพระราชอาณาจักร ปัจจุบัน ประเพณีแห่เทียนจำนำพรรษานี้ยังถือปฏิบัติกันอยู่ทั่วไป บางจังหวัด เช่น อุบลราชธานี ถือให้เป็นประเพณีเด่นประจำจังหวัดตนได้จัดประดับตกแต่งต้นเทียนใหญ่ๆ มีการประกวดแข่งขันแล้วแห่แหน ไปถวายตามวัดต่าง ๆ
๒. ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน
           การถวายผ้าอาบน้ำฝนนี้ เกิดขึ้นแต่สมัยพุทธกาล คือ มหาอุบาสิกา ชื่อว่า วิสาขาได้ทูลของพระบรมพุทธานุญาตให้พระสงฆ์ ได้มีผ้าอาบน้ำสำหรับผลัดเปลี่ยนเวลาสรงน้ำฝนระหว่างฤดูฝน นางวิสาขาจึงเป็นสตรีคนแรกที่ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝนแด่พระสงฆ์ 
           ด้วยเหตุนี้ เมื่อถึงวันเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชน ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยราชธานี จึงนิยมนำผ้าอาบน้ำฝนไปถวายผ้าอาบน้ำฝนถวายพระสงฆ์ผู้จะอยู่พรรษา พร้อมกับอาหารและเครื่องใช้ที่จำเป็นต่าง ๆ
           แม้ในปัจจุบัน พุทธศาสนิกชนไทยก็คงยังปฏิบัติกิจกรรม อย่างนี้อยู่บางวัดมีการแจกฎีกานัดเวลา ประกอบพิธีถวายผ้าอาบน้ำฝน (วัสสิกสาฎก) หรือ ผ้าจำนำพรรษาและเครื่องใช้อื่นๆ ณ ศาลาบำเพ็ญกุศลของวัดใกล้บ้าน

อานิสงส์แห่งการจำพรรษา

         เมื่อพระภิกษุอยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือนได้ปวารณาแล้ว ย่อมจะได้รับอานิสงส์แห่งการจำพรรษา ๕ อย่าง ตลอด ๑ เดือนนับแต่วันออกพรรษาเป็นต้นไป คือ 
          ๑. เที่ยวจาริกไปโดยไม่ต้องบอกลา ตามสิกขาบทที่ ๖ แห่งอเจลกวรรค ปาจิตตีย์กัณฑ์ 
          ๒. เที่ยวจาริกไปโดยไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบสำรับ 
          ๓. ฉันคณะโภชน์และปรัมปรโภชน์ได้ 
          ๔. เก็บอติเรกจีวรได้ตามปรารถนา 
          ๕. จีวรอันเกิดขึ้นในที่นั้นเป็นของพวกเธอ
          และยังได้โอกาสเพื่อที่จะกราลกฐิน และได้รับอานิสงส์พรรษาทั้ง ๕ ขึ้นนั้นเพิ่มออกไปอีก ๔ เดือน ในฤดูหนาว คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ ไปจนถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ อีกด้วย  

ประวัติวันเข้าพรรษา และความเป็นมาของวันเข้าพรรษา

๑. ส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า
           เมื่อครั้งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ วัด เวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นคือ พวกชาวบ้าน กลุ่มหนึ่งพากันกล่าวตำหนิพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาว่า ช่างไม่รู้จักกาลเวลาเสียเลยพากันจาริกไปเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้งแม้ในระหว่างฤดูฝนบางครั้งก็ไปเหยียบข้าวกล้าของชาวนาเสียหาย ขณะที่พวกนิครนถ์ นักบวชในศาสนาอื่นและฝูงนกยังหยุดพักผ่อนไม่ท่องเที่ยงไปในฤดูฝนเช่นนี้ เรื่องนี้ทราบถึงพระพุทธเจ้าในกาลต่อมา พระองค์จึงทรงรับสั่งให้พระสงฆ์ประชุมพร้อมกันตรัสถามจนได้ความเป็นจริงแล้วจึงทรงบัญญัติเรื่องการเข้าพรรษาไว้ว่า
           อนุชานามิ ภิกขะเว อุปะคันตุง    แปลว่า  "ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้พวกเธออยู่จำพรรษา"
พระสงฆ์ที่เข้าจำนำพรรษาแล้วจะไปค้างแรมที่อื่นไม่ได้ แต่หากมีกรณีจำเป็น 4 ประการต่อไปนี้ ภิกษุผู้อยู่พรรษาสามารถไปค้างที่อื่นได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการขาดพรรษา แต่ต้องกลับมาภายในระยะเวลา 7 วัน คือ
1. ไปรักษาพยาบาลภิกษุ หรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย
2. ไประงับไม่ให้ภิกษุสึก
3. ไปเพื่อธุระของสงฆ์
4. ทายกนิมนต์ไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศลของเขา
           วันเข้าพรรษานี้โดยทั่วไปกำหนดในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ เรียกว่า วันเข้าพรรษา (ปุริมพรรษา) ถ้าปีใดเป็นปีอธิกมาส มีเดือน ๘ สองหน ก็เลื่อนไปเข้าพรรษา ในวันแรม๑ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถเข้าพรรษาได้ก็เลื่อนเข้าพรรษา ในแรม ๑ ค่ำเดือน ๙ ก็ได้ ไปสิ้นสุดเอาวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน๑๒ เรียกว่า วันเข้าพรรษาหลัง (ปัจฉิมพรรษา) 
๒. การถือปฏิบัติวันเข้าพรรษาในประเทศไทย 
           สมัยก่อนประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม จะเริ่มทำไร่ทำนาปักดำข้าวกล้าก่อนพรรษากาลพอ พระสงฆ์เข้าพรรษาก็จะเสร็จงานในไร่นา ย่อมมีเวลาว่างมาก ประกอบกับการคมนาคมไปมาระหว่างสถานที่ต่าง ๆ ก็ไม่ค่อยสะดวก เนื่องจากฝนตกชุกและน้ำขึ้นเจิ่งนอง เต็มแม่น้ำลำคลองทั่วไปชาวบ้านจึงถือโอกาสเข้าวัดถวายทาน รักษาศีล ฟังธรรมและเจริญภาวนาเพิ่มพูนบุญกุศลกันมากขึ้น
           ดังนั้นเมื่อถึงวันเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนก็จะพากันหาอาหารทั้งคาวหวาน ผลไม้ และเครื่องอุปโภคที่จำเป็นแก่สมณะนำไปถวายพระภิกษุสงฆ์ใกล้บ้านตน พระภิกษุสงฆ์แนะนำสั่งสอนให้เกิด ศรัทธาในการปฏิบัติ ตามหลักทานศีลและภาวนา และความไม่ประมาทในการประกอบคุณความดีอื่น ๆ
           ตามประวัติศาสตร์ พุทธศาสนิกชนชาวไทย ได้เริ่มบำเพ็ญกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษานี้ ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ดังข้อความในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชว่า
           "พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองสุโขทัยนี้ทั้งชาวแม่ชาวเจ้า ทั้งท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขันทั้งสิ้นทั้งหลายทั้งหญิงทั้งชายฝูงท่วยมีศรัทธาในพุทธศาสน์ มักทรงศีล เมื่อพรรษาทุกคน"
           นอกจากการรักษาศีลแล้ว พุทธศาสนิกชนไทย ในสมัยสุโขทัยนั้นยังได้บำเพ็ญกุศลอื่น ๆดังรายละเอียดปรากฎอยู่ในหนังสือ นางนพมาศ พอสรุปได้ดังนี้ 
           เมื่อถึงเดือน ๘ ก็มีพระราชพิธีอาษาฒมาส พระภิกษุสงฆ์ทุกรูป จะได้เข้าจำพรรษา ในพระอารามต่าง ๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งให้จัดแจงเสนาสนะถวาย พร้อมทั้งบริขารอันควรแก่สมณะบริโภค เช่น เตียงตั่ง เสื่อสาด ผ้าจำนำพรรษา อาหารหวานคาวยารักษาโรค และธูปเทียนจำนำพรรษา เพื่อบูชาพระรัตนตรัยในพระอารามหลวงทั่วราชอาณาจักร แม้ชาวเมืองสุโขทัย ก็บำเพ็ญกุศลเช่นนี้ในวัดประจำตระกูลของตน 

ประเพณีตักรบาตรดอกไม้ในวันเข้าพรรษา

     การตักบาตรดอกไม้ เดิมทีเดียวได้มีเรื่องราวในสมัยพุทธกาลของนายสุมนมาลาการที่ได้ถวายดอกมะลิ แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่องราวมีอยู่ว่า       ในกรุงราชคฤห์มีช่างจัดดอกไม้คนหนึ่ง ชื่อ "สุมนะ" ทุกๆ เช้า เขาจะนำดอกมะลิ 8 ทะนาน ไปถวายพระเจ้าพิมพิสาร และจะได้ทรัพย์มาเป็นค่าดอกไม้วันละ 8 กหาปณะเป็นประจำ วันหนึ่ง ขณะที่เขาถือดอกไม้จะนำไปถวายพระราชา พระบรมศาสดาเสด็จมาบิณฑบาต พร้อมด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์จำนวนมาก พระพุทธองค์ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีออกจากพระวรกาย นายสุมนะเห็นแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธามาก อยากจะถวายดอกมะลิทั้ง 8 ทะนาน ที่ถืออยู่ในมือ เพื่อเป็นพุทธบูชา       เขาคิดว่า "ถ้าหากพระราชาไม่ได้รับดอกไม้เหล่านี้ในวันนี้ เราอาจจะถูกประหาร หรือถูกเนรเทศออกจากแว่นแคว้นก็ได้ แต่ก็ช่างเถอะ  เพราะถึงพระราชาจะทรงอนุเคราะห์เรา ด้วยการพระราชทานทรัพย์เป็นค่าดอกไม้ ก็คงพอเลี้ยงชีวิตได้แค่ในภพชาตินี้เท่านั้น แต่การบูชาพระบรมศาสดาด้วยดอกไม้เหล่านี้ จะทำให้เราได้รับความสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า" 
    เขาคิดอย่างนี้แล้วก็ตัดสินใจสละชีวิต โปรยดอกไม้ทั้ง   8 ทะนาน บูชาพระบรมศาสดาทันที ทันใดนั้น สิ่งอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น คือ ดอกมะลิทั้ง 8 ทะนาน ไม่ได้ตกถึงพื้นดินเลย ดอกมะลิ 2 ทะนาน ได้กลายเป็นเพดานดอกไม้ แผ่อยู่เหนือพระเศียรของพระบรมศาสดา อีก 2 ทะนาน แผ่เป็นกำแพงดอกไม้ลอยอยู่ข้างขวา และ 2 ทะนานอยู่ข้างซ้าย  ส่วนอีก 2 ทะนาน อยู่ข้างหลัง กำแพงดอกไม้ทั้งหมดนี้ ลอยไปพร้อมกับพระบรมศาสดา เมื่อพระพุทธองค์ทรงพระดำเนิน กำแพงดอกมะลิทั้งหมดก็ลอยตามไป เมื่อประทับยืน กำแพงดอกมะลิก็หยุดอยู่กับที่เหมือนกัน
     นายสุมนะเห็นดังนั้น เกิดความปีติปราโมทย์เป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบเรื่อง แทนที่จะลงโทษกลับชื่นชมและปูนบำเหน็บรางวัลทำให้นายมาลาการมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น เพราะเหตุนี้ ได้มีประเพณีตักบาตรเข้าพรรษาของไทยที่ได้สืบทอดมานาน และเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่งที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยมีการใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งในการใส่บาตรเรียกว่า ”ดอกเข้าพรรษา” ชื่อเรียกเช่นนี้เรียกกันติดปากของคนในแถบ จ.สระบุรี จนบางท่านไม่รู้ว่าดอกไม้นี้มีชื่อเรียกทั่วไปว่าอะไร
 ต้นเข้าพรรษาที่ออกดอกเข้าพรรษา ในท้องถิ่นอื่น ๆ จะนิยมเรียกไม้ชนิดนี้ว่า “หงส์เหิน” ตามลักษณะของรูปร่างของดอก เพราะดอกและเกสรจะมีลักษณะเหมือนตัวหงส์ กำลังจะบิน มีลีลาสง่างาม มีกลีบประดับเรียงตามช่อดอก นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น กล้วยจ๊ะก่า (ตาก) กล้วยจ๊ะก่าหลวง (ลำพูน) กล้วยเครือคำ (เชียงใหม่) ก้ามปู (พิษณุโลก) ขมิ้นผี หรือกระทือลิง (ภาคกลาง) ว่านดอกเหลือง (เลย) และดอกเข้าพรรษา (สระบุรี)
อ่านเพิ่มเติม
ขอบคุณ http://lent.sanook.com/

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

www.facebook.com/kcycar



5 วิธีดูแลรักษาแอร์รถยนต์

อาการยางรถยนต์บวม อย่ามองข้ามอัตรายถึงชีวิต!!

ยางบวม อาการผิดปกติที่อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้หากคุณเผิกเฉย เพราะฉะนั้นหากยางรถยนต์ของคุณมีอาการปูดบวมขึ้นมาอย่านิ่งนอนใจเด็ดขาด ควรเปลี่ยนยางทันทีเพราะหากยังฝืนใช้งานต่อไป รถยนต์จะสูญเสียการทรงตัว อาจส่ายหรือแกว่งขณะขับเคลื่อนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ บริเวณส่วนที่บวมออกมาจะเป็นส่วนที่เปราะบางของยางมากที่สุดและอาจเกิดการระเบิดได้หากยังฝืนขับต่อไป
1
ลองมาดูกันว่าสาเหตุที่ทำให้ ยางรถยนต์ที่ดูภายนอกแกร่ง แข็งแรงนั่นเพราะอะไรทำไมมันถึงมีอาการบวมได้
4อาการ ยางบวม เกิดจากโครงสร้างภายในยางที่ถูกวางแบ่งออกเป็นชั้นๆ ด้วยเส้นใยโลหะที่ถักร้อยเรียงกันการบิดเบี้ยวที่มาจากหลายสาเหตุ อาการปูดบวมสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณแก้มยาง และหน้ายาง แต่ส่วนมากเราจะเห็นการบวมขึ้นที่แก้มยางได้บ่อยกว่าเนื่องมาจากบริเวณส่วนนี้ของยางรถยนต์มีชั้นเส้นใยโลหะน้อย และมีความยืดหยุ่นมากที่สุด สาเหตุอาการ ยางบวม ที่เกิดขึ้นบ่อยมากที่สุดมาจากการตกหลุมขณะขับขี่อย่างรุนแรง การตกหลุดแรงแรงกระแทกจะทำให้โครงสร้างข้างในยางเกิดการบิดตัวและได้รับควาเสียหาย แต่กรณีบวมเพราะตกหลุมต้องเป็นการกระแทกที่รุนแรงมากจริงๆ ยางถึงจะบวมได้ หากเป็นการตกหลุมแบบไม่รุนแรง หรือรุนแรงตามปกติ ยางรถยนต์แต่ละแบรนด์ต่างถูกผลิตออกมาให้มีความคงทน แข็งแรงตามมาตรฐานอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงไม่ควรวิตกจนเกินไปหากขับรถตกหลุมทุกครั้งจะต้องเกิดอาการ ยางบวม
2สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ยางรถยนต์ของคุณบวมมาจาก
-ยางไม่ได้คุณภาพ อันเนื่องมาจาก ยางเสื่อมอายุการใช้งาน
-เติมลมยางเกิน
-ลมยางอ่อน
ข้อมูล : auto.mthai.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

www.facebook.com/kcycar