ใหม่ Honda City Hatchback เปิดตัวจริงเดือนกันยายนนี้


 Honda City Hatchback เปิดตัวจริงเดือนกันยายนนี้
ทาง Dongfeng-Honda พร้อมเปิดตัว Honda City Hatchback หรือที่เรียก Gienia ในเมืองจีนที่งานมหกรรมรถยนต์มอเตอร์โชว์ เมืองเฉิงตู 2016 ที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้
Honda City Hatchback  11 1
Honda City/Gienia พัฒนาต่อจากรุ่น Griez วางจำหน่ายในแดนมังกรโดยมาพร้อมการออกแบบที่สปอร์ตมากกว่าส่วนท้ายมีลักษณ์ท้ายลาด เสริมความสปอร์ตด้วยโครงสร้างและแพล็ตฟอร์มเช่นเดียวกับ Honda City ในบ้านเรา
Honda City Hatchback  11 2

Honda City/Gienia ออกแบบภายใต้แนวคิด Solid Wing Face เหมือนๆรถยนต์ฮอนด้ารุ่นอื่นๆในบ้านเราไฟหน้าเสริมของ HR-V เข้าไปโดยออกแบบให้มีส่วนบนเชื่อมทั้งสองข้างมาพร้อมกันชนออกแบบสปอร์ต กระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโครเมี่ยม พัฒนาเพื่อลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ
Honda City Hatchback  11 5
Honda City/Gienia มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร i-VTEC (ไม่มีระบบอัดอากาศ) ให้กำลังสูงสุด 128 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 155 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT และไม่มีแผนจะจำหน่ายในบ้านเราแน่นอน
Honda City Hatchback  11 3Honda City Hatchback  11 4
เรียบเรียงโดย Kcycar.com
ขอบคุณข้อมูล www.auto.sanook.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook



เวียดนามเล็งประกาศข้อกำหนด “ห้ามใช้มอเตอร์ไซค์” ภายในกรุงฮานอย


หน่วยงานภาครัฐของเวียดนามกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนห้ามใช้รถมอเตอร์ไซค์ในเมืองหลวงอย่างกรุงฮานอยภายในปี 2025
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าแผนการดังกล่าวถ่ายทอดแนวคิดเดียวกับรัฐบาลฝรั่งเศสซึ่งเพิ่งเปิดเผยแผนการแบนรถเก่าที่ผลิตก่อนปี 1999 ไม่ให้ใช้งานในกรุงปารีส โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือการลดปัญหาการจราจรที่แออัดคับคั่งใจกลางเมืองและส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน
แต่การห้ามใช้รถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดอาจเป็นสิ่งที่หนักหน่วงเกินไปสำหรับประชาชน และยากที่จะประสบความสำเร็จ เพราะปัจจุบัน กรุงฮานอยมีจำนวนมอเตอร์ไซค์และสกูตเตอร์มากถึง 4.9 ล้านคัน โดยเมื่อปีที่แล้ว การจดทะเบียนรถสองล้อใหม่อยู่ระหว่าง 8,000 – 20,000 คันต่อเดือนเลยทีเดียว ดังนั้นมาตรการนี้อาจจะถูกบังคับใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
หน่วยงานภาครัฐของเวียดนามคาดการณ์ว่า ภายในอีก 4 ปีข้างหน้า อาจมีมอเตอร์ไซค์มากถึงเกือบ 7 ล้านคันในกรุงฮานอย แถมยังมีปัญหามลพิษทางอากาศติดอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้นจึงต้องสนับสนุนให้บรรดานักบิดเหล่านี้หันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนแทน
ปัจจุบัน ฮานอยมีรสบัสอยู่ประมาณ 1,000 พันคัน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 27 ล้านคนต่อเดือน พร้อมกับมีแผนการสร้างรถบัสโดยสารด่วนพิเศษหรือ Bus Rapid Transit เพิ่มอีกสามเส้นทางและสะพานใหม่อีก 18 แห่งในอีก 14 ปีข้างหน้า

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

แชร์เก็บไว้เลย! เอกสาร 6 อย่าง ไม่ต้องไปแจ้งความหาย ทำใหม่ได้เลย


แชร์เก็บไว้เลย! เอกสาร 6 อย่าง ไม่ต้องไปแจ้งหาย ทำใหม่ได้เลย


ปัจจุบันกรณีทำเอกสารราชการหาย ประชาชนสามารถดำเนินการเองได้ โดยไม่ต้องใช้ใบแจ้งความจากสถานีตำรวจมาประกอบหลักฐาน มีดังนี้ คือ


     1. สำเนาทะเบียนบ้านหาย การดำเนินการ ให้เจ้าบ้านหรือผู้ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าบ้าน โดยมีหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าบ้านไปดำเนินการทำใหม่ได้เลย 

     2. บัตรประชาชนหาย การดำเนินการ ให้ผู้ที่บัตรประชาชนหายนั้น ให้นำทะเบียนบ้านตัวจริงไปดำเนินการทำบัตรใหม่ได้เลย 

     3. แผ่นป้ายทะเบียนรถหาย การดำเนินการ ให้นำสมุดคู่มือการจดทะเบียนรถนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ กรมการขนส่งทางบก ดำเนินการทำใหม่ได้เลย 

     4. ใบอนุญาตขับขี่หาย การดำเนินการ ให้นำบัตรประชาชน ไปดำเนินการทำใบอนุญาตขับขี่ใหม่ได้เลย โดยทำที่กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานย่อย และคุณไม่ต้องสอบขับขี่รถใหม่ เพียงแต่ถ่ายรูปติดใบอนุญาตขับขี่ใหม่เท่านั้น หากเป็นใบขับขี่ตลอดชีพ ก็ได้ใบขับขี่ตลอดชีพเช่นเดิม 

     5. บัตรประกันสังคม และ บัตรรับรองสิทธิรักษาพยาบาลหาย การดำเนินการ ให้ท่านนำบัตรประชาชนไปดำเนินการทำบัตรใหม่ได้เลย ณ สำนักงานประกันสังคม หรือติดต่อผ่านฝ่าย HR ของบริษัทตนเอง 

     6. บัตรผู้ประจำตัวผู้เสียภาษี การดำเนินการ ให้ท่านนำบัตรประชาชน/ ทะเบียนบ้าน ไปดำเนินการทำบัตรใหม่ได้เลย ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่เขตของท่าน ข่าวด่วนวันนี้ 


ขอบคุณข้อมูลจาก สน.พญาไท

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


ดีเอสไอแถลงยึดรถจดประกอบมูลค่าความเสียหายกว่า500ล้าน

 



"ดีเอสไอ" แถลงผลตรวจยึดรถยนต์ของขบวนการรถยนต์จดประกอบ มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท

         เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ร่วมกันแถลงการขยายผลการสอบสวนในคดีพิเศษ กรณีขบวนการลักลอบนำรถยนต์จดประกอบจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายฯ หรือ รถยนต์หรู

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุรถยนต์ถูกไฟไหม้ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และเราได้มีการดำเนินคดีมาส่วนหนึ่ง โดยมีการแถลงผลการตรวจสอบให้ประชาชนได้ทราบความคืบหน้าการดำเนินการในคดีดังกล่าวอยู่เป็นระยะ ในจำนวนรถยนต์ 7,123 คัน หลังจากช่วงที่ผ่านมาเราได้แถลงผลการดำเนินการไปแล้ว 8 คัน โดยวันนี้เราจะแถลงผลการตรวจสอบรถยนต์จดประกอบเพิ่มเติม ซึ่งในวันนี้มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 มีรถ 37 คัน และกลุ่มที่ 2 มีรถ 12 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถที่หลักเลี่ยงภาษี โดยกลุ่มแรกมีการเตรียมการนำรถยนต์จดประกอบโดยแจ้งเอกสารอันเป็นเท็จในส่วนขอการนำเข้าของเลขตัวถังและเครื่องยนต์ ส่วนกลุ่มที่สองมีการปลอมเอกสารการนำเข้าและดำเนินการในรถยนต์จดประกอบ ซึ่งทั้งสองกลุ่มจะทำให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท ที่เป็นภาษีที่รัฐไม่ได้เก็บไป ทั้งนี้ รถยนต์ส่วนที่เหลือขณะนี้อยู่ระหว่างเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ

ด้าน พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า ดีเอสไอได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีที่มีการปลอมแปลงเอกสารการนำเข้านั้น สืบเนื่องจากกรณีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนพบกลุ่มขบวนการลักลอบนำรถยนต์หรูทั้งคัน ที่มีมูลค่าสูง หรือซุปเปอร์คาร์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยวิธีการหลีกเลี่ยงภาษี และมีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อยื่นจดทะเบียนมีรถยนต์ คณะพนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของพลเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว รวมถึงพยานเอกสาร จึงเชื่อว่าเอกสารมีการปลอมและนำเอกสารปลอมเหล่านี้ไปยื่นจดทะเบียน พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการตรวจยึดรถยนต์ต้องสงสัย 12 คันประกอบด้วย รถยนต์ ยี่ห้อเบนท์ลี่ย์ 1 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อเฟอร์รารี่ 2 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ 1 คัน และรถยนต์ ยี่ห้อปอร์เช่ 8 คัน ซึ่งมูลค่ารถยนต์ที่ตรวจยึดประมาณ 70 ล้านบาท โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐประมาณ 280 ล้านบาท

พ.ต.ต.สุริยา กล่าวต่อว่า ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 มาตรา 27 ทวิ ซึ่งความผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับ 4 เท่าของราคารวมค่าอากร และความผิดในการใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ทั้งนี้ ดีเอสไอขอแจ้งให้ผู้ครอบครองรถยนต์จดประกอบหรือผู้ที่ได้มาโดยสุจริตทราบว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมุ่งดำเนินการตามความผิดกฎหมายต่อขบวนการที่ลักลอบนำเข้าและกลุ่มบุคคลที่ปลอมแปลงเอกสารเพื่อนำไปจดทะเบียน โดยหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1202
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการเตรียมการนำรถยนต์จดประกอบโดยแจ้งเอกสารอันเป็นเท็จในส่วนขอการนำเข้าของเลขตัวถังและเครื่องยนต์ สืบเนื่องจากกรณีการเข้าตรวจค้น บริษัท เอส เค ที มอเตอร์ จำกัด เลขที่ 125 ม.1 ต.บางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี พบว่า เป็นสถานที่จดประกอบรถยนต์นำเข้าและสำแดงภาษีเท็จ และได้ทำการตรวจยึดรถยนต์ต้องสงสัย 37 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ ยี่ห้อเบนท์ลี่ย์ 2 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อเบนท์ 14 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู 5 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า 7 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน 6 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อปอร์เช่ 1 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อดอดจ์ 1 คัน และรถยนต์ ยี่ห้อเลกซัส 1 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท โดยเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 มาตรา 27 ทวิ








ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

กรมขนส่งฯ ปฎิรูปทำใบขับขี่ปี 60 "ออกยาก-ยึดง่าย"



กรมการขนส่งทางบก เตรียมปฎิรูประบบการทำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ในปี 2560-2561 ให้มีความยากมากขึ้น หวังยกระดับมาตรฐานผู้ขับขี่เทียบเท่าต่างประเทศ หลังไทยยังมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เป็นอันดับ 2 ของโลก
สถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยที่พุ่งสูงขึ้นเฉลี่ยชั่วโมงละ 1-2 คน ซึ่งเสียชีวิตมากที่สุดในเอเชียและยังติดอันดับ 2 รองจากประเทศลิเบีย ที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก ทำให้กรมการขนส่งทางบกต้องปรับระบบการสอบใบอนุญาตขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั้งระบบ นำเทคโนโลยีเข้ามาตรวจวัดมาตรฐานการสอบทุกขั้นตอนอย่างเข้มขึ้น
โดยในปี 2560 จะเพิ่มเวลาอบรมจาก 4 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมง เพิ่มข้อสอบอัตนัยจาก 50 ข้อ เป็น 60 ข้อ และภายในปี 2561 จะให้โรงเรียนสอนขับรถเอกชนกว่า 80 แห่งทั่วประเทศ ทำหน้าที่สอบภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติแทนสำนักงานขนส่ง แต่จะเพิ่มเวลาสอบนานขึ้นกว่าเดิมถึง 15 ชั่วโมง
ปัจจุบันใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลตลอดชีพมี 6,000,000 ฉบับ และใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 5,000,000 ฉบับ จากใบขับขี่ทั้งหมด 30 ล้านฉบับ ขณะที่จำนวนรถยังมีมากกว่า 38 ล้านคันและมีประชาชนอีกหลายล้านคนที่ยังไม่มีใบขับขี่ถูกต้องตามกฎหมาย


ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook



20 อันดับรถยนต์ขายดีสุดในไทยประจำปี 2558

จัดเต็ม! 20 อันดับรถยนต์ขายดีสุดในไทยประจำปี 2558

จัดเต็ม! 20 อันดับรถยนต์ขายดีสุดในไทยประจำปี 2558

     เว็บไซต์ Focus2Move เผยยอดจำหน่ายรถยนต์ขายดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2558 ที่ผ่านมา พบว่ากระบะ 'ไฮลักซ์' และ 'ดี-แม็กซ์' มาแรงสุด
     สถิติดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกลุ่มที่ขายดีที่สุดในไทยยังคงเป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน ตามด้วยรถกลุ่ม B-Segment เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร และ 1.5 ลิตร ขณะที่รถยนต์ในกลุ่มอเนกประสงค์พื้นฐานกระบะ (PPV) และครอสโอเวอร์ขนาดเล็กก็ถือว่ามาแรงเช่นกัน

     ในปี 2558 ที่ผ่านมาพบว่า 'โตโยต้า ไฮลักซ์' ทั้งโฉม รีโว่ และ วีโก้ มีนำมาเป็นอันดับที่ 1 ด้วยตัวเลขสะสมตลอดทั้งปีจำนวน 128,628 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดรวม 16.4 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วย 'อีซูซุ ดีแม็กซ์' อยู่ที่ 118,722 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 14.6 เปอร์เซ็นต์
     ขณะที่รถกลุ่ม B-Segment ถือเป็นกลุ่มใหญ่เช่นกัน โดย โตโยต้า ยาริส ซึ่งจัดอยู่ในพิกัดอีโคคาร์ มียอดขายอยู่ที่ 36,212 คัน ตามด้วย วีออส อยู่ที่ 35,539 คัน และ ฮอนด้า ซิตี้ อยู่ที่ 33,051 คัน
    
     20 อันดับรถยนต์ขายดีสุดในประเทศไทยประจำปี 2558 มีดังนี้
     1. Toyota Hilux Vigo/Revo - 128,628 คัน
     2. Isuzu D-Max - 118,722 คัน
     3. Toyota Yaris - 36,212 คัน
     4. Toyota Vios - 35,539 คัน
     5. Honda City - 33,051 คัน
     6. Toyota Fortuner - 31,005 คัน
     7. Honda HR-V - 26,417 คัน
     8. Mitsubishi Triton - 25,261 คัน
     9. Ford Ranger - 23,894 คัน
     10. Honda Jazz - 21,670 คัน
     11. Toyota Corolla - 20,966 คัน
     12. Nissan Navara - 19,412 คัน
     13. Mitsubishi Pajero Sport - 19,137 คัน
     14. Mazda2 - 19,081 คัน
     15. Isuzu MU-7 - 13,049 คัน
     16. Isuzu MU-X - 12,524 คัน
     17. Chevrolet Colorado - 11,633 คัน
     18. Nissan Almera - 11,463 คัน
     19. Mitsubishi Attrage - 10,982 คัน
     20. Suzuki Swift - 10,908 คัน

     ที่มา Focus2Move

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ขอสินเชื่อใหม่ไม่ยากอย่างที่คิด

รีไฟแนนซ์รถยนต์
การมีรถยนต์ไว้ใช้งานถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะถ้าอยู่กันเป็นครอบครัว หากไม่มีรถยนต์ การเดินทางเพื่อรับ-ส่งลูกไปโรงเรียน ก็คงทุลักทุเลพอสมควร ส่วนใครที่ประกอบอาชีพค้าขาย รถยนต์ยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในกระบวนการขนส่งสินค้า ดังนั้นหลาย ๆ คน จึงใฝ่ฝันที่จะมีรถยนต์ไว้ในครอบครองสักคัน แน่นอนว่า กว่าจะได้รถยนต์มาใช้สักคันนั้นต้องมีเงินก้อนเป็นจำนวนหนึ่ง ดังนั้นผู้ที่ต้องการซื้อรถควรวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายในกรณีจำเป็นด้วย

          ทั้งนี้ สำหรับคนที่มีรถอยู่แล้วอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า ไฟแนนซ์ และ รีไฟแนนซ์ เป็นอย่างดี แต่สำหรับมือใหม่ที่อยากมีรถคันแรกไว้ในครอบครอง เราได้รวบรวมรายละเอียดเรื่องสินเชื่อรถยนต์มานำเสนอ เพื่อช่วยให้เห็นแนวทางในการเตรียมตัวก่อนซื้อรถได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่กำลังมองหาตัวช่วยอื่น ๆ เพื่อแบ่งเบาภาระในการผ่อนชำระค่างวด 

          การจัดไฟแนนซ์รถยนต์คืออะไร

          การจัดไฟแนนซ์ เรียกเป็นภาษาทางการ คือ การเช่าซื้อ เป็นหนึ่งในวิธีการขอสินเชื่อเพื่อนำมาผ่อนชำระค่ารถในแต่ละงวด ในปัจจุบันมีบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการเช่าซื้อรถยนต์เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ สถาบันการเงินเอกชนต่าง ๆ หรือแม้แต่บริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์บางยี่ห้อ ที่หันมาจับธุรกิจสินเชื่อรถยนต์เพื่อจูงใจผู้ซื้อพิจารณารถยนต์ของบริษัทตนเองมากขึ้น ซึ่งหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่พิจารณาเพื่ออนุมัติสินเชื่อนั้น ย่อมแตกต่างกันออกไปตามนโยบายของบริษัท

          การจัดไฟแนนซ์เช่าซื้อรถยนต์มีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

          1. การเช่าซื้อรถยนต์ใหม่จากตัวแทนจำหน่ายโดยตรง เช่น Toyota Leasing, Honda Leasing, Isuzu Leasing , Nissan Leasing, BMW Leasing, Mercedes-Benz Leasing เป็นต้น

          2. การเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วหรือที่เรียกว่ารถมือสอง สามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ

          2.1 ซื้อรถใช้แล้วหรือรถมือสองผ่านแหล่งขายรถมือ 2 โดยตรง เช่น เต็นท์รถ, ห้างขายรถมือสองของตัวแทนจำหน่ายรถใหม่ ซึ่งในกรณีนี้ทางผู้ขายมักมีสถาบันการเงินไว้คอยบริการจัดไฟแนนซ์อยู่แล้ว

          2.2 ซื้อรถใช้แล้วหรือรถมือสองจากบุคคลอื่น เช่น ซื้อจากเครือญาติ เพื่อน คนรู้จัก หรือ ซื้อจากเว็บไซต์ลงประกาศขายรถทั่วไป สำหรับในข้อนี้ ผู้ซื้ออาจต้องติดต่อกับสถาบันการเงินหรือสถาบันที่รับจัดไฟแนนซ์ด้วยตนเอง หรืออาจขอให้เต็นท์รถจัดการเรื่องไฟแนนซ์ให้ ซึ่งอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อความสะดวกนั่นเอง

          ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถยนต์

          สำหรับผู้ต้องการซื้อสินค้าที่มีราคาสูงเพื่อนำไปใช้งาน แต่กลับพบอุปสรรคใหญ่คือการไม่มีเงินก้อนเพียงพอ จนต้องหาหนทางอื่น ๆ บริการสินเชื่อประเภทเช่าซื้อ (Hire Purchase) และ ลีสซิ่ง (Leasing) ที่ผู้เช่าซื้อสามารถทยอยจ่ายค่างวดได้ตามกำลังทรัพย์ และนำสินค้านั้นมาใช้งานได้ทันที ซึ่งถือว่า การขอเชื่อเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้มีงบประมาณจำกัด แต่สัญญาทั้ง 2 แบบนี้ จะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เรามีรายละเอียดมาให้พิจารณา ดังนี้

          สินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase)
          มีลักษณะคล้ายกับการซื้อสินค้าเงินผ่อน แต่ต่างกันตรงที่ว่า กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นยังไม่เป็นของเราจนกว่าจะชำระค่าสินค้านั้นครบ กล่าวคือ จะมีการทำสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างผู้เช่าซื้อและผู้ให้เช่า ว่าจะมีการชำระค่าสินค้าเป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนด โดยระหว่างนั้นเราสามารถนำสินค้าหรือทรัพย์สินนั้นมาใช้งานได้ก่อนแต่กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ จนกว่าจะจ่ายเงินครบตามสัญญาจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นมาเป็นของเรา

          ลีสซิ่ง (Leasing)
          มีลักษณะคล้ายกับสัญญาเช่าซื้อ คือ เราจะต้องชำระเงินค่าเช่าเป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาเช่า ต่างกันตรงที่เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าแล้ว เราสามารถเลือกได้ว่า จะซื้อต่อสัญญาเช่าหรือส่งคืนทรัพย์ดังกล่าวไปยังผู้ให้เช่า ทั้งนี้ ผู้ที่ทำสัญญาสินเชื่อลีสซิ่ง มักเป็นบริษัทหรือนิติบุคลที่ต้องการเช่าทรัพย์สินที่มีราคาแพงหรือเช่าทรัพย์สินในปริมาณมาก เช่น เครื่องจักร รถยนต์ หรืออาจเป็นการเช่าสินค้าที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น คอมพิวเตอร์สำนักงาน เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น

          นอกจากนี้ ลีสซิ่งยังแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ สัญญาเช่าการเงิน (Financial Lease) และ สัญญาเช่าดำเนินงาน (Operating Lease)  โดยมีความแตกต่างในด้านของราคาทรัพย์สิน กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน รวมถึงอายุสัญญา ตามตารางดังนี้

กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน

          นอกเหนือจากเรื่องกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์แล้ว สินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) และ ลีสซิ่ง (Leasing) ยังแตกต่างกันในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย คือ

          - สัญญาเช่าซื้อ จะคิดดอกเบี้ยในอัตราคงที่ (Flat rate) โดยดอกเบี้ยจะถูกคิดจากเงินต้นซึ่งคงที่ตลอดอายุสัญญา

          - สัญญาลีสซิ่ง จะคิดดอกเบี้ยที่แท้จริงแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) โดยคำนวณจากเงินต้นที่ลดลงในแต่ละงวด ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละงวดลดลงไปด้วย

          ตัวอย่างการคิดดอกเบี้ยสัญญาเช่าซื้อและลีสซิ่ง

          หากเราต้องการรถยนต์ที่มีราคา 500,000 บาท ระยะเวลาผ่อนไม่เกิน 2 ปี (24 งวด) อัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปี การคำนวณอัตราดอกเบี้ยจะมีวิธีการดังนี้

          แบบที่ 1 สัญญาเช่าซื้อ คิดดอกเบี้ยในอัตราคงที่ (Flat rate)
          สูตรการคำนวณ
  
คิดดอกเบี้ยในอัตราคงที่

          วิธีคิด

          1. คำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งสิ้น

                                    = 500,000 x 12% x 2 ปี

                                    = 120,000 บาท

          2. คำนวณเงินผ่อนต่องวด

                                    = (500,000 + 120,000) ÷24

                                     = 25,834 บาทต่องวด

          สรุป ผู้เช่าซื้อต้องจ่ายเงินทั้งหมดเท่ากับ 500,000 + 120,000 = 620,000 บาท โดยทยอยผ่อนเดือนละ 25,834 บาท

          แบบที่ 2 ลีสซิ่ง คิดดอกเบี้ยที่แท้จริงแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)

          สูตรการคำนวณ
          
คิดดอกเบี้ยที่แท้จริงแบบลดต้นลดดอก

          หากผู้ให้เช่า กำหนดให้จ่ายเงินงวดเท่ากับ 23,537 บาทต่องวด สามารถคำนวณอัตราดอกเบี้ยด้วยวิธีการดังนี้

          งวดที่ 1

          1. คำนวณดอกเบี้ยงวดที่ 1 = (500000 x 12%) ÷ 12

                                    = 5,000 บาท

          2. คำนวณเงินต้นจ่ายงวดที่ 1

                                    = 23,537 - 5,000

                                    = 18,537 บาท

          3. คำนวณเงินต้นคงเหลือจากการจ่ายงวดที่ 1

                                    = 500,000 -18,537

                                    = 481,463 บาท (จะเป็นเงินต้นสำหรับคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ 2)

          งวดที่ 2
          1. คำนวณดอกเบี้ยงวดที่ 2 
= (481,463 x 12%) ÷ 12

                                    = 4,815 บาท

          2. คำนวณเงินต้นจ่ายงวดที่ 2


                                    = 23,537 – 4,815

                                    = 18,722 บาท   

          3. คำนวณเงินต้นคงเหลือจากการจ่ายงวดที่ 1

                                    = 481,463  -18,722

                                    = 462,741 บาท (จะเป็นเงินต้นสำหรับคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ 3)

          อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ อัตราดอกเบี้ยของสัญญาเช่าซื้อและลีสซิ่ง อาจไม่จำเป็นต้องเท่ากัน ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินและผู้ประกอบการแต่ละแห่ง เช่นเดียวกับเรื่องการคิดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงแบบลดต้นลดดอก ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันการเงินหลายแห่ง ได้นำมาใช้เป็นจุดจูงใจให้ผู้เช่าซื้อทำสัญญาสินเชื่อที่มีการคำนวณอัตราดอกเบี้ยในรูปแบบดังกล่าวมากขึ้น ดังนั้นผู้เช่าซื้อควรพิจารณาเงื่อนไขในเรื่องผลประโยชน์อย่างรอบคอบ ด้วยการตรวจสอบจากสถาบันการเงิน และผู้ประกอบการที่ให้บริการดังกล่าวโดยตรง

          ส่วนคำถามที่ว่า อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงแบบลดต้นลดดอก แบบไหนเสียดอกเบี้ยน้อยกว่ากัน เมื่อลองเปรียบเทียบแล้ว พบว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงแบบลดต้นลดดอก เมื่อชำระค่างวดไปแล้ว ดอกเบี้ยจะถูกลดไปพร้อมกับเงินต้นที่ลดลงทุกงวด ขณะที่อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ดอกเบี้ยถูกคิดจากเงินต้นเริ่มแรกเพียงครั้งเดียว ก่อนเฉลี่ยจ่ายในแต่ละงวด ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงแบบลดต้นลดดอกจะเสียดอกเบี้ยน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่นั่นเอง

          ทั้งนี้ หลังจากเลือกรูปแบบสัญญาที่ต้องการได้แล้ว ผู้เช่าซื้อต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดจัดส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเครดิตของบริษัทรับจัดไฟแนนซ์ที่เราติดต่อไว้ เพื่อให้พิจารณาเอกสารที่ยื่นขอสินเชื่อว่ามีข้อมูลครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือค้ำประกัน และหนังสือรับรองเงินเดือน

          เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพิจารณาว่าเครดิตผ่านแล้ว ทางสถาบันการเงินก็จะแจ้งผลอนุมัติต่อผู้ซื้อ จากนั้นผู้ซื้อจึงสามารถเช่าซื้อรถยนต์ได้ทันที ซึ่งในขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ มักใช้เวลาประมาณไม่เกิน 7 วัน แต่จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความพร้อมของเอกสารหรือนโยบายของบริษัทปล่อยสินเชื่อนั่นเอง

          การรีไฟแนนซ์คืออะไร
          การรีไฟแนนซ์ คือ การที่ผู้เช่าซื้อรถได้ทำการกู้เงินก้อนใหม่เพื่อไปใช้คืนเงินกู้ก้อนเก่า โดยผู้เช่าซื้อรถอาจได้รับประโยชน์ที่ดีกว่าจากเงินกู้ก้อนใหม่ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง แต่การรีไฟแนนซ์ที่ดี ผู้เช่าซื้อรถจะต้องคำนึงด้วยว่า ส่วนต่างจากดอกเบี้ยที่ลดลง เช่น เมื่อนำค่างวดเก่ามาหักจากค่างวดใหม่ คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการรีไฟแนนซ์หรือไม่

          ทั้งนี้ หากพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า การขอสินเชื่อครั้งใหม่หรือการรีไฟแนนซ์ อาจทำให้ผู้เช่าซื้อรถพบปัญหาเกี่ยวกับเงื่อนไขในการปิดบัญชีสินเชื่อรถยนต์ก่อนกำหนดที่ทำไว้กับสถาบันการเงินเดิม โดยมักระบุว่า ผู้เช่าซื้อรถยังคงต้องจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมต่อแม้จะกู้สินเชื่อในสถาบันการเงินใหม่ ซึ่งนั่นเท่ากับว่า ผู้เช่าซื้อรถจะต้องจ่ายดอกเบี้ยซ้ำซ้อน ทั้งดอกเบี้ยที่เกิดจากสัญญากู้ใหม่และดอกเบี้ยที่ยังค้างอยู่กับสัญญากู้เดิมนั่นเอง
          ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์
          ก่อนที่จะปิดบัญชีสินเชื่อเดิมเพื่อนำรถไปทำการขอสินเชื่อใหม่หรือรีไฟแนนซ์ ผู้เช่าซื้อรถต้องคำนวณว่า ดอกเบี้ยคงเหลือตามสัญญากู้เดิม เมื่อนำมาหักส่วนต่างกับดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นจากการกู้ใหม่ ถือว่าคุ้มค่าหรือไม่ นอกจากนี้ บริษัทที่รับรีไฟแนนซ์บางแห่งยังหักเงินงวดแรก (เงินต้น+ดอกเบี้ย) ที่ลูกค้าต้องผ่อนชำระอีก 1 งวด ณ วันที่อนุมัติเงินกู้ ทำให้หลังรีไฟแนนซ์รถจะเหลือเงินสดรับจริง ๆ ในจำนวนไม่มากนัก แต่จะทำให้ระยะเวลาในการผ่อนชำระเงินยาวนานขึ้น ดังนั้น หากผู้เช่าซื้อมีความพร้อมในการชำระหนี้ หรือมีความชำนาญในการบริหารเงิน ก็คงไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวมากนัก 

          ซึ่งหลังจากที่ผู้เช่าซื้อมั่นใจแล้วว่า สามารถวางแผงในการผ่อนชำระค่างวดได้จนครบตามสัญญา ผู้เช่าซื้อสามารถติดต่อบริษัทรับจัดไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้ด้วยวิธีเดียวกัน ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้เช่าซื้อจะทำการรีไฟแนนซ์กับบริษัทเดิมที่เคยทำสัญญาสินเชื่อไว้ หรือจะเลือกสถาบันการเงินแห่งใหม่ ผู้เช่าซื้อก็สามารถเจรจาต่อรองเพื่อขออัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือเรียกร้องข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้ได้
          จากข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อรถยนต์ที่กล่าวมาในข้างต้น สามารถสรุป ข้อดี ข้อเสีย ของการรีไฟแนนซ์ในภาพรวมได้ว่า...

         ข้อดี ผู้กู้สินเชื่ออาจได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ได้ขยายเวลาในการผ่อนชำระเพิ่ม และอาจมีส่วนต่างของเงินที่จะนำไปหมุนเพื่อใช้จ่ายได้อย่างคล่องตัว  

         ข้อเสีย ผู้กู้สินเชื่ออาจต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม เช่น กรณีการเสียเบี้ยปรับในการปิดสินเชื่อเก่าเพื่อมาขอสินเชื่อใหม่  หรือการชำระดอกเบี้ยของสินเชื่อเก่า ที่ยังคงค้างอยู่หลังมีการกำหนดตายตัวไว้แล้ว

โดยกระปุกดอทคอม
เรียบเรียง kcycar.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook