ล้อใหญ่ !! ผิดกฏหมายหรือไม่ ?

   อย่าที่พอทราบกันว่าการแต่งรถในปัจจุบันนั้นมีหลายแบบหลายสไตล์ต่างกันไป และการแต่งรถยนต์คันโปรดของท่านนั้นที่ขาดไม่ได้เลยลเอรถที่เปรียบเสมือน รองเท้านั่นเอง ที่มีขอบและขนาดต่างๆ และที่ต้องพบเจอกันบ่อยๆนั่นคือกฏหมายที่ถูกกำหนดไว้ว่าแต่งแบบไหนนั่นเอง และวันนี้เราจะมานำเสนอสำหรับสาวกล้อโตทั้งหลายว่ารถคันโปรดของท่านนั้นผิด กฏหมายหรือไม่ผิดกฏหมายอย่างไร



ใส่ล้อ 20 หรือ 22 แบบเต็มซุ้มเพื่อความหล่อและอำนาจของการยึดเกาะ ในกฎหมายไม่มีการระบุขนาดของล้อและขนาดก็ไม่ได้มีผลการเสี่ยงต่อการเกิด อุบัติเหตุ ดังนั้น จะใส่ล้อใหญ่ขอบ 18-19-20 หรือจะ 22 ก็สามารถทำได้แบบสะดวกโยธิน แต่ถ้าใส่แล้วยางล้นเกินออกมานอกบังโคลนล้อข้างละหลายนิ้ว เจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่านได้ตรวจพบว่าอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือสร้าง ความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น (เช่นทำให้ผู้อื่นกะระรถผิดในขณะสวนหรือเลี้ยว) ก็ถือว่าผิดได้ หรือใส่ล้อใหญ่จนต้องแบะล้อเพื่อหลบซุ้ม การทำแบบนั้นนอกจากรถจะไม่เกาะถนนแล้วยังเป็นการทำร้ายช่วงล่างอย่างรุนแรง อีกด้วย มุมอินเอาต์ต่างๆ ที่ผิดเพี้ยนไปจากการคำนวณของวิศวกรจะทำให้คุณควบคุมรถล้อแบะได้ยากขึ้น แถมยังกินยางและดูแลรักษายากอีกด้วย


และทีนี้คงจะทราบกันและนะครับว่าผิดหรือไม่ผิดกฏหมายกันอย่างไรขับขี่อย่างปลอดภัยหายห่วงได้เลยทีเดียว

thairpm.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

รวมการ ‘จอดรถ’ สุดเงิบ ตกลงพวกพี่เอาฮาหรือเอาจริงเนี่ย!

เวลาคุณขับรถไปเที่ยวในห้าง หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เชื่อว่าคุณเคยพบเห็นพฤติกรรมการจอดรถแปลก ๆ ยกตัวอย่างเช่น จอดคร่อมเลน ทั้ง ๆ ที่มีวางให้จอด จนคุณอดสงสัยไม่ได้ว่า
‘นี่สอบใบขับขี่หรือจับฉลากมาเนี่ย!’
เชื่อว่าคุณคงเคยพบกับเหตุการณ์ดังเช่นที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ ไปดูกันเลยดีกว่า เห็นแล้วอยากถาม
เจ้าของรถว่าลูกพี่จอดเอาฮาหรือเอาจริง!
รถสปอร์ตว่าเพี้ยนแล้ว แต่คุณเจ้าของรถโฟร์วีลอาการหนักกว่า
bad-parking-fails-1

จอดไปคนเดียวเลยแล้วกัน!
bad-parking-fails-2

จอดแบบนี้ ต้องมอบใบประกาศเกียรติคุณซะหน่อย!
bad-parking-fails-3

ถามจริง! นี่เอาฮาใช่ไหม?
bad-parking-fails-4

ไม่ใช่ใบสั่ง แต่มันคือใบสอนการจอดรถ ใครเจอแบบนี้อายแทบแทรกแผ่นดินหนี
bad-parking-fails-5

จอดแบบตามใจฉันจริง ๆ นะฮะภาพนี้
bad-parking-fails-6

เจ้าของรถสองคันนี้ต้องมีซัมติงกันแน่นวล
bad-parking-fails-7

จอดรถได้อินดี้มาก!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

ก.พลังงานเอาแน่! เล็งยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ดีเดย์ 1 ม.ค.61


 นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า กรมอยู่ระหว่างติดตามดูสถานการณ์ราคาปาล์มในตลาดอย่างใกล้ชิดในช่วงที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น เพื่อประกอบการพิจารณาปรับลดส่วนผสมไบโอดีเซลจากบี 5 เป็นบี 3 หลังราคาผลปาล์มดิบขึ้นไปสูงกว่า 7 บาทต่อกิโลกรัม ราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 40.49 บาทต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลให้ราคาไบโอดีเซลหน้าปั๊มลดลงได้อีก 40 สตางค์ต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อการใช้น้ำมันเพื่อบริโภค คาดจะมีความชัดเจนภายใน 1 สัปดาห์

 นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายการจำหน่ายประเภทน้ำมันที่หัวจ่ายเหลือน้อยที่สุด ตามแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (ออยล์แพลน) เพื่อลดต้นทุนบริหารจัดการโดยรวม โดยตั้งเป้าหมายประกาศให้ไบโอดีเซลเป็นบี 10 ในอนาคต ส่วนกลุ่มเบนซินนั้น ผลจากการหารือร่วมกับโรงกลั่นน้ำมันเห็นตรงกันว่าเตรียมยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2561 เป็นต้นไป

 สำหรับโรงกลั่นที่มีความเป็นห่วงว่ามีความเสี่ยงจะขาดแคลนน้ำมันพื้นฐานนั้น กรมพร้อมรับฟังและหาทางช่วยเหลือ เช่น ลดภาษีน้ำเข้า แต่โรงกลั่นลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อโรง เพื่อลดน้ำมันพื้นฐานจากแก๊สโซฮอล์ 91 เหลือแก๊สโซฮอล์ 95 เพียงอย่างเดียว โดยโรงกลั่นของไทยมี 6 แห่ง บางราย เช่น บางจากเตรียมแผนปรับเปลี่ยนน้ำมันพื้นฐานเหลือ 95 เพียงอย่างเดียวแล้ว ส่วนโรงอื่นต้องลงทุนปรับเปลี่ยนโรงละ 10,000 ล้านบาท ซึ่งหากคำนวณผลคืนทุน 20 ปี ต้นทุนจะเพิ่ม 2 สตางค์ต่อลิตร ถือว่าน้อยมาก ไม่ควรจะนำไปเพิ่มต้นทุนแก่ผู้ใช้
 นอกจากนี้กรมฯยังมีแนวคิดเสนอหารือกับกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับแนวทางการปรับขึ้นภาษีน้ำมันเกรดพรีเมียมของแก๊สโซฮอล์ 95 และดีเซลพรีเมียมในอัตราสูงกว่าปัจจุบันประมาณ 4 บาท หรืออาจเสนอให้เรียกเก็บในอัตราเต็มเพดานที่ 10 บาทต่อลิตร เพราะเห็นว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นผู้มีฐานะดีอยู่แล้ว หากต้องการใช้น้ำมันเกรดพรีเมียมก็คงไม่มีปัญหา แต่หากผู้ใช้จะลดการใช้ประเภทนี้ ทางปั๊มน้ำมันก็คงจะตัดสินใจเองว่าจะยกเลิกการจำหน่ายเกรดพรีเมียมหรือไม่

 นายวิฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในครึ่งปีแรกของปี 2559 ในกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น 10.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 28.58 ล้านลิตรต่อวัน เป็นการเพิ่มขึ้นของน้ำมันกลุ่มเบนซินเกือบทุกชนิด ยกเว้นน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้น ส่วนการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลตั้งแต่เดือนม.ค.-มิ.ย.2559 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 4.24% เฉลี่ยอยู่ที่ 63.97 ล้านลิตรต่อวัน เป็นการเพิ่มขึ้นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงมีปริมาณเพิ่มขึ้น 17.11%

 สำหรับการใช้ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.08% เฉลี่ยอยู่ที่ 16.20 ล้านกิโลกรัม (กก.)ต่อวัน เป็นการลดลงจากการใช้เกือบทุกสาขา โดยภาคปิโตรเคมีลดลง 24.10% เฉลี่ยอยู่ที่ 4.75 ล้าน กก.ต่อวัน ภาคขนส่งลดลง 16.46% เฉลี่ยอยู่ที่ 4.11 ล้านกก.ต่อวัน ภาคครัวเรือนลดลง 0.59% เฉลี่ยอยู่ที่ 5.68 ล้านกก.ต่อวัน ยกเว้นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย1.64% เฉลี่ยอยู่ที่ 1.65 ล้านกก.ต่อวัน ขณะที่การนำเข้าแอลพีจีลดลง 63.88% เฉลี่ยอยู่ที่ 39 ล้านกก.ต่อเดือน
 ส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติ สำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.39% เฉลี่ยอยู่ที่ 7.98 ล้านกก.ต่อวัน โดยภาพรวมการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.16% เฉลี่ยอยู่ที่ 909,848 บาร์เรลต่อวัน เป็นผลจากการนำเข้าน้ำมันดิบลดลง 6.71% เฉลี่ยอยู่ที่ 833,082 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่า 7,353 ล้านบาทต่อเดือน

 ทีมา : khaosod.co.th
ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

‘ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด’ชูเทคโนโลยีใหม่ เริ่มต้น 1,659,000 บาท


บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ อีกขั้นของยนตรกรรมไฮบริด ด้วยเทคโนโลยีไฮบริดอันล้ำสมัยล่าสุดจากฮอนด้า Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ด้วยกำลังสูงสุดทั้งระบบ 215 แรงม้า เพิ่มความสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต อีกทั้งสามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้ต่อเนื่องและทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร พร้อมด้วยมิติใหม่ของเทคโนโลยีความปลอดภัย ภายใต้ Honda SENSING ซึ่งรวมฟังก์ชั่นความปลอดภัยขั้นสูงเข้าด้วยกัน เพื่อความมั่นใจในทุกการขับขี่ ลงตัวกับดีไซน์ที่หรูหราสง่างามและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน
 
 ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ด้วยการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ให้ประสิทธิภาพสูงในการชาร์จและจ่ายกระแสไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า


 ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะเพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพการขับขี่ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ที่สามารถขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ต่อเนื่อง และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) และ สปอร์ต (Sport Drive Mode) ด้วยการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งทำความเร็วให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อน โดยผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้เพียงกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณคันเกียร์
 
 มาพร้อมกับมิติใหม่ของเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย Honda SENSING ที่ผสานการทำงานเรดาร์และกล้องด้านหน้า เพื่อตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน แล้วแจ้งเตือนผู้ขับขี่หรือช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับและผู้โดยสารในรถ รวมถึงเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ประกอบด้วย 4 ระบบ ดังนี้


 1)ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน - Adaptive Cruise Control (ACC) เป็นระบบที่ไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ได้ตั้งค่าไว้ แต่จะทำการตรวจจับระยะห่างและความเร็วของรถคันหน้า เพื่อปรับความเร็วของรถโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าได้อย่างเหมาะสมตลอดเวลา
 
 2)ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก - Collision Mitigation Braking System (CMBS) เมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าในระยะที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง หากรถยนต์ยังเข้าใกล้ระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะทำการเสริมแรงเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ระบบ CMBS ยังได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ให้สามารถตรวจจับคนเดินถนนได้อีกด้วย
 
 3)ระบบแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ - Lane Keeping Assist System (LKAS) โดยกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และทำการหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถได้ตลอดเวลา
 
 4)ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ - Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) เมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมสั่นเตือนที่พวงมาลัย และในกรณีที่รถออกนอกช่องทางมากขึ้น ระบบจะทำการหน่วงพวงมาลัย เพื่อช่วยดึงให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็วอย่างเหมาะสม (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ



 พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครันรอบด้าน อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย ด้วยการจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 7.7 นิ้ว  กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย สามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light - ACL) ช่วยเพิ่มความสว่างด้านข้างของตัวรถ ขณะทำการเลี้ยวรถในเวลากลางคืน เสียงเตือนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (Acoustic Vehicle Alerting System - AVAS) และระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ (Dual i-SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbag) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) เพื่อความปลอดภัยและช่วยลดอาการบาดเจ็บของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง

 ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มอบความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบรองรับ Apple CarPlay พร้อมด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ให้การควบคุมระบบต่างๆ ทำได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และเพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังสีน้ำตาลใหม่
 
 เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และพิเศษยิ่งขึ้น กับ Privilege Package ซึ่งขยายเวลาการรับประกันคุณภาพ หรือ Ultimate Care เพิ่มอีก 2 ปี  หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร และฟรีค่าบำรุงรักษา (ค่าแรง/ค่าอะไหล่/เช็คระยะ) เป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สำหรับผู้ซื้อ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ส.ค.นี้
 
 มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น HYBRID ราคา 1,659,000 บาท และ รุ่น HYBRID TECH ราคา 1,849,000 บาท โดยมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีขาวออร์คิด (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) มาพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ สีเบจ สีดำ และสีใหม่ คือ สีน้ำตาล


 นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ เป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในทุกมิติ ผสานกับความหรูหราสง่างามของการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ผมจึงมั่นใจว่า ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ จะสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้นำยุคใหม่ ที่มองหาความแตกต่างอย่างเหนือระดับ ในยนตรกรรมที่สามารถสะท้อนภาพลักษณ์และวิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำนำหน้าเหนือใคร”
ที่มา : khaosod.co.th
เรียบเรียง : kcycar.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

ผวาทั้งหมู่บ้าน! ทาวน์เฮ้าส์ย่านปทุมฯทรุดแตกร้าว หลังข้างเคียงเสี่ยงถล่มพัง

 เวลา 20.00 น. วันที่ 26 ก.ค. นายดรณ์ สมีตะเกษตริบ นายอำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี นำคณะไปตรวจสอบทาวน์เฮ้าส์สองชั้นเลขที่ 59/197 ภายในซอย 6 หมู่บ้านรินทร์ทอง ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่า บ้านหลังดังกล่าวได้ทรุดตัวแตกร้าวทั้งหลัง กำแพงหลังบ้านพังทั้งแถบ ทำให้เกิดความเสียหายกับบ้านข้างเคียงที่อยู่ในซอย 7 เสี่ยงต่ออันตรายในการพังถล่ม สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองลำสามแก้วได้นำเชือกมากั้นเป็นเครื่องหมายแจ้งเตือนห้ามเข้าใกล้ทาวน์เฮ้าส์หลังดังกล่าว



 จากนั้นนายดรณ์ให้สัมภาษณ์ว่า ทางเทศบาลพยายามเข้ามาช่วยเหลือ แต่ติดระเบียบกฎหมายเรื่องของศาลที่จะสั่ง เพราะเป็นทรัพย์สินของแบงก์ เท่าที่ทราบบ้านหลังดังกล่าวเอียงเพิ่มไป 15 องศา ส่วนบ้านที่อยู่ในซอย 7 ที่ได้รับความเสียหายจากกำแพงบ้านเลขที่ 59/197 พังทับ ได้สั่งให้ทม.ลำสามแก้วออกประกาศเตือนถ้ามีบ้านทรุดตัวให้รายงานด่วน พร้อมประสานโยธาจังหวัดเข้าตรวจสอบความปลอดภัยของชาวบ้านที่พักอาศัยแถวนี้


 
 น.อ.บุญส่ง จุ้ยกล่อม อดีตนายทหารเกียณราชการ อยู่บ้านเลขที่ 59/210 ซอย 6 หมู่บ้านรินทร์ทอง กล่าวว่า ทาวน์เฮ้าส์ที่ปลูกอยู่บนโครงสร้างเดียวกันนี้มี 14 หลัง โดยมีการทรุดตัว 4 หลังที่เจ้าของบ้านไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้คือ บ้านเลข 59/197 59/198 59/199 และ 59/59 มาตั้งแต่ปี 2557 จนมีการฟ้องร้องเจ้าของโครงการ เรื่องทั้งหมดอยู่ที่อัยการ โดยเรียกพยานที่ซื้อบ้านเข้าไปให้ปากคำอย่างต่อเนื่อง ตนนั้นแม้บ้านจะอยู่หลังสุดท้าย แต่ก็ได้รับผลกระทบจากโครงสร้างของการก่อสร้าง หากไม่รีบแก้ไขอาจส่งผลตามมากับอีกหลายๆหลังที่อยู่ในฐานรากเดียวกัน



 นางสุพัตรา ธานีรัตน์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/223 หมู่ 2 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลา 20.00 น. ตนนั่งกินข้าวอยู่ และก็ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเหมือนมีอะไรพังลงมาใส่บริเวณหลังบ้าน จนชาวบ้านในละแวกแตกตื่น ออกมาหน้าบ้านกันเป็นจำนวนมาก สำหรับบ้านตนได้รับความเสียหายมีรอยร้าวในห้องน้ำ และหลังบ้านถูกผนังกำแพงพังลงมาทับเสียหาย

ทีมา : khaosod.co.th

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

SkyQuad ยานพาหนะ ที่ขับได้ทั้งบนพื้นดิน และอากาศ

ในอดีตเรามักจินตนาการไปถึงรถยนต์ที่สามารถวิ่งบนพื้นดิน และบินบนฟ้าได้ แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะคิดถึงเรื่องนี้แบบจริงจัง มาวันนี้แม้ว่าเรื่องทุกอย่างกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้ว คุณสามารถขับรถและเปลี่ยนเป็นเครื่องบิน บินข้ามอากาศไปสู่จุดหมายได้กด้วย SkyQuad คันนี้
4ณ วันนี้เราไม่ได้แค่ยินดีกับการนำรถจากพื้นขึ้นสู่ท้องฟ้าแค่นั้น แต่บริษัทผู้ผลิต SkyQuad ชื่อว่า Parajet ยังมองไปถึงอนาคตที่จะพัฒนาย่านพาหนะลำนี้ให้มีประสิทธิภาพที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ Parajet เป็นบริษัทจากประเทศอังกฤษที่ผลิตเครื่องร่อนเป็นหลัก
2SkyQuad เกิดจากการผสมผสานกันระหว่าง รถ ATV และเครื่องบิน ซึ่งวิ่งได้บนพื้นผิวถนนที่ขรุขระ และยังมีเทคโนโลยีที่ใช้กางร่มในการร่อนลม โดยความเร็วที่อยู่ในอากาศทำได้ถึง 88 กม/ชม. บนระดับความสูงที่ 10,000 ฟีต คุณสามารถวิ่งบนพื้นผิวและเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นไปบนอากาศได้อย่างรวดเร็ว ขนาดเครื่องยนต์ของSkyQuad อยู่ทีี่ 1.0 ลิตร เครื่องยนต์ EcoBoost สามารถทำความเร็วบนภาคพื้นดินได้ถึง 185 กม/ชม
ต่อไปนี้เวลาที่คุณขับรถอยู่ๆ เกิดเบื่อถนนขึ้นมา อยากเปลี่ยนบรรยากาศเป็นการขับบนอากาศ ชมท้องฟ้าดูบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเหนือจินตนาการอีกต่อไป แต่อย่าลืมว่ายังไงก็ต้องสวมหมวกกันน๊อคเหมือนขีี่มอเตอร์ไซค์ด้วย
ข้อมูลจาก : techeblog.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

สัญญาณอันตราย น้ำมันใต้ท้องรถ

สัญญาณอันตราย น้ำมันใต้ท้องรถ

สัญญาณอันตราย น้ำมันใต้ท้องรถ

Silkspan

      การดูแลรักษารถยนต์ นอกจากจะต้องใส่ใจ ตรวจเช็กระยะให้ตรงตามกำหนดแล้ว คุณยังต้องช่างสังเกตอีกด้วย เพราะบางครั้งการสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ เช่น คราบน้ำมันบนพื้นที่จอดรถของคุณ ก็อาจช่วยคุณได้ทันเวลา
      เนื่องจากหากพบความผิดปกติช้าเกินไป มันอาจส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ของคุณบางส่วน หรือทั้งระบบก็ได้ แถมยังต้องเปลืองเงินซ่อมเมื่อตอนที่สายไปอีกด้วย เอาเป็นว่า หากพบเจอคราบน้ำมันที่พื้น ให้สังเกตดูว่า น้ำมันเหล่านั้นมีสีอะไร เพราะเครื่องยนต์แต่ละส่วนใช้น้ำมันหล่อลื่นไม่เหมือนกัน แต่ก่อนอื่น มาดูกันก่อนดีกว่าว่า ปัญหาเหล่านี้เกิดจากอะไรได้บ้าง

      สาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำมันหยดรั่ว
      1. ซีลยางต่างๆ เสื่อมสภาพ เนื่องจากอายุการใช้งาน
      2. เกิดเหตุจากการใช้งาน เช่น ครูด กระแทก ใต้ท้องรถ ฯลฯ
      3. การดัดแปลงเครื่องยนต์ การเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ไม่เข้ากัน และขันน็อตยึดต่างๆ ไม่แน่น
      จุดสังเกตุอีกอย่างที่จะทำให้เรารู้ว่า น้ำมันที่หยดลงพื้นเป็นอะไรก็คือ ตำแหน่งของห้องเครื่องรถเรานั่นเอง ซึ่งโดยปกติทั่วไปตามรถตลาดบ้านเรา สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ถ้ามีรอยหยดอยู่ทางด้านขวาของรถ (ฝั่งคนขับ) ให้คิดไว้เลยว่าน้ำมันเครื่อง หรือน้ำมันเบรก แต่ถ้าเป็นทางด้านซ้าย (ฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับ) ก็อาจเป็นพวกระบบส่งกำลัง น้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเพาเวอร์ และหากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ตำแหน่งต่างๆ ตามที่กล่าวมา จะอยู่ในแนวเดียวกันตรงกลาง ทำให้แยกปัญหายากกว่าเดิม ดังนั้นจึงต้องสังเกตสีน้ำมันที่หยดแทน
     
      สีน้ำมันที่หยดลงพื้นคืออะไร
      1. สีน้ำมันที่หยดเป็นสีใส หรือขุ่นดำ อาจเป็นน้ำมันเครื่อง หรือน้ำมันเบรก
      2. สีน้ำมันที่หยดเป็นสีแดงใส อาจเป็นน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ หรือน้ำมันเพาเวอร์
      3. สีน้ำมันที่หยดเป็นสีใส หรือขุ่นดำ มีความเหนียวหนืดมากกว่าปกติ อาจเป็นน้ำมันเกียร์ธรรมดา
      4. สีน้ำมันที่หยดเป็นสีใส หรือขุ่นดำ มีความเหนียวหนืดมากกว่าปกติ อาจเป็นน้ำมันเฟืองท้าย
      หากพบเจอน้ำมันหยดใต้ท้องรถตามนี้แล้ว ให้เช็กอาการดูให้ดี แม้บางครั้งจะหยด หรือรั่วน้อยก็ยังสามารถขับต่อไปได้ แต่ถ้าเกิดขับๆ อยู่แล้วรั่วเป็นน้ำก๊อก เสียหายมากกว่านั้นขึ้นมา มันไม่คุ้มค่าแน่นอน ทางที่ดีเข้าอู่ซ่อม หรือศูนย์บริการดีกว่า เพื่อตรวจเช็กให้ละเอียด จะได้ซ่อมแซม แก้ไขได้ทัน ไม่อย่างนั้นแทนที่จะซ่อมแค่จุดเดียว อาจลามไปทั้งหมด หรือแย่สุดๆ ต้องเปลี่ยนยกเครื่องใหม่ไปเลยก็ได้
      และอีกอย่างที่ต้องระวังไม่แพ้กันก็คือ น้ำมันเชื้อเพลิง เพราะถ้าหากรั่วขึ้นมา อันตรายมากกว่าแน่ๆ ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถสังเกตได้ง่าย  เพราะกลิ่นจะเด่นชัดที่สุด หากขับรถอยู่แล้วได้กลิ่นมากผิดปกติ ควรรีบจอดข้างทางแล้วดับเครื่องทันที และอย่าทำให้เกิดประกายไฟ หรือความร้อน จากนั้นติดต่อศูนย์บริการให้ไวที่สุด เพื่อนำรถไปตรวจสอบให้ละเอียด ว่าน้ำมันเชื้อเพลิงรั่วได้อย่างไร
ที่มา : auto.sanook.com
เรียบเรียง : kcycar.com
ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook