เปิด 7 ข้อ น่ารู้เท่าทันเรื่องไฟแนนซ์ ก่อนโดนยึดรถ


เรียกว่าหลาย ๆ คนคงเคยมีปัญหากับไฟแนนซ์ ที่คอยตามจิกค่างวดรถทำให้ปวดหัว บางคนถึงขั้นอายจนต้องลาออกจากงานเลยก็มี ซึ่งขณะนี้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยรู้เท่าทันไฟแนนซ์ หากวันหนึ่งต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวได้แบ่งเป็นข้อ ๆ ให้อ่านและทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยระบุว่า… ไฟแนนซ์รถ……ช่วยกันแชร์ต่อไปนะครับ เผื่อมีญาติพี่น้องเราตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว

ภาพประกอบ

1. สิ่งที่ไฟแนนซ์มักจะข่มขู่ คือ ให้เรารับผิดชอบค่าติดตามยึดรถ ค่าทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล โดยมักข่มขู่ ให้ผู้เช่าซื้อเป็นผู้รับผิดชอบ โดยอ้างตัวเลขจำนวนสูง และเราควรรู้ไว้ด้วยว่าไฟแนนซ์ไม่สามารถเรียกค่าใช้ จ่ายดังกล่าวได้ตามอำเภอใจ การค่าเสียหายเรียกได้ตามค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น ดังนั้นผู้เช่าซื้ออย่าวิตก
2. การเข้ายึดรถผู้เช่าซื้อจะต้องค้างชำระค่าเช่าซื้อ 3 งวดติดต่อ กัน ก่อนยึดรถอีก 1 เดือน รวมเป็น 4 เดือน ไฟแนนซ์จึงจะสามารถยึดรถได้ แต่ถ้าไฟแนนซ์ยึดรถก่อนหน้านี้จะมีความ ผิดตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งคุ้มครองเกี่ยวกับเรื่องสัญญา ดังนั้นถ้าไฟแนนซ์มายึดรถก่อนกำหนดเวลาดังกล่าว ผู้เช่าซื้อต้องอย่ายอมให้ยึดรถและให้เรียกตำรวจมาเป็นพยาน
3. การยึดรถถ้าผู้เช่าซื้อไม่ยินยอมให้ยึดรถ ไฟแนนซ์จะยึดรถไม่ได้ ถ้ามีการบังคับขู่เข็ญหรือไล่ให้ผู้เช่าซื้อลงจากรถหรือกระชากกุญแจรถ ไป หรือเอากุญแจสำรองมาเปิดรถและขับหนีไป การกระทำดังกล่าวมีความผิดต่อ เสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 และถ้ากระทำการโดยมีอาวุธหรือร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะฉะนั้นถ้ามีคนกระทำการดังกล่าวให้ถ่าย รูปหรือบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งความดำเนินคดีอาญา หรือให้ทนาย ฟ้องศาลได้เลย
4. เมื่อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ ไม่ควรให้ไฟแนนซ์ยึดรถ ยืนยันได้เลยว่าไม่ควรให้ไฟแนนซ์ยึดรถไม่ว่าในกรณีใดๆ เพราะถ้าถูกยึดรถแล้วเราก็จะหมดอำนาจต่อรอง และหลังจากยึดรถไปแล้วไฟแนนซ์จะ นำรถของเราไปขายทอดตลาดในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดมาก แถมเมื่อได้เงินมาไม่ เพียงพอกับค่าเช่าซื้อที่เราค้างชำระ ไฟแนนซ์ก็จะเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้จากเรา แต่ถ้ารถยังอยู่ในความครอบครองของเรา เรายังสามารถใช้ประโยชน์ในทรัพย์ได้ (พูดง่ายๆ ก็คือใช้รถหาเงินได้อยู่นั่นเอง) และยังมีอำนาจต่อรองกับไฟแนนซ์อยู่
5. ในกรณีที่เราถูกยึดรถและไฟแนนซ์มีหนังสือแจ้งให้ชำระหนี้ส่วนที่ เหลือ อย่าตกใจให้หาทนายสู้คดี โดยทั่วไปค่าเสียหายของไฟแนนซ์มักจะสูงเวอร์ สุดๆ ยกตัวอย่างเช่น เรียกมา 1,000,000 บาท ศาลมักจะพิพากษาให้ชดใช้เพียง 500,000 บาทหรือ 300,000 บาท เท่านั้น
6. เมื่อแพ้คดีไฟแนนซ์จะต้องทำตัวอย่างไร ถ้าเรามีทรัพย์สินถือครอบครองในนามลูกหนี้เราจะถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด ถ้า ไม่มีทรัพย์สินถือครอบครองในนามลูกหนี้ แต่ถือครอบครองในนามญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ไฟแนนซ์ก็ไม่สามารถยึดทรัพย์ของคนอื่น ซึ่งมิใช่ลูกหนี้ ได้ ดังนั้นถ้ามีไฟแนนซ์มาข่มขู่ว่าลูกหนี้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของใคร จะยึด ทรัพย์เจ้าของบ้าน ตอบได้เลยว่าไม่ต้องกลัวเพราะตามกฎหมายไม่สามารถยึดได้
7. ถ้าไม่มีเงินจ่ายไฟแนนซ์จะติดคุกหรือไม่สามารถตอบได้เลยว่า ไม่ติดคุกเนื่องจากเป็นคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญา
สุดท้ายการเป็นหนี้ไฟแนนซ์ ไม่ต้องลาออกจากงาน เพราะไม่มีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน การเป็นหนี้สิน เป็นเรื่องส่วน ตัว ไฟแนนซ์นำเรื่องส่วนตัวไปประจานให้เพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาของ ลูกหนี้รับรู้ไม่ได้ ถือว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาท (เรายังสามารถฟ้องได้อีก) แต่ถึงยังไงข้อมูลเหล่านี้ให้รู้เอาไว้เพื่อที่เราจะได้ไม่โดนข่มขู่จนหลง เชื่อ และเสียเปรียบ แต่อย่าเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควรครับ

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

10 เครื่องยนต์ดีเซลที่ดีที่สุดในโลก จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน

   ถ้าจะให้พูดถึงเครื่องยนต์ดีเซล หลายๆคนก็คงจะรู้จักกันดี โดยเฉพาะสาวกกระบะซิ่ง ดีเซลควันดำทั้งหลาย ซึ่งในประเทศไทยนั้น เครื่องยนต์ดีเซลก็ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในภาคอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรม รวมไปถึงใช้ในชีวิตประจำวัน แต่สำหรับในวันนี้ทาง Kcycar.com จะพาไปดู 10 เครื่องยนต์ดีเซลที่ถูกจัดว่าเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ดีที่สุดในโลก ส่วนจะมีเครื่องยนต์ดีเซลตัวไหนบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ

  • เครื่อง Cummins B-Series - 5,900 cc. 6 สูบ 325 แรงม้า 

  • International DT466 - 7,300 cc. 6 สูบ 

  • Wartsila-Sulzer RTA96-C - 25,480 cc. 108,902 แรงม้า 

  • Caterpillar C12 Super Truck Racing Engine - 12,000 cc. 6 สูบ 1,400 แรงม้า

  • GM Duramax - 6,600 cc. V8 360 แรงม้า

  • The 7.3 Power Stroke - 7,300 cc. V8 250 แรงม้า

  • MTU 16V-400 - 6,500 cc. 16 สูบ 3,600 แรงม้า

  • VW TDI Turbo Diesel - 5,000 cc. V10 310 แรงม้า

  • Detroit Diesel Series 60 - 12,700 - 14,000 cc. 6 สูบ 515 แรงม้า

  • Rudolf Diesels - 60,000 cc. 1 สูบ 20 แรงม้า

  • อันนี้ขอแถมซักเล็กน้อยกับเครื่องยนต์ Isuzu 4JJ - 4 สูบ 
ที่มา : car.boxzaracing.com
ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

ฮ.ตก เขาชะเมา พบซากเฮลิคอปเตอร์แล้ว นักบิน-ช่างเครื่อง เสียชีวิตทั้งหมด

ฮ. สูญหาย เขาชะเมา
ฮ. สูญหายกลางป่าเขาชะเมา กองทัพอากาศ จัด 5 ทีม ปูพรมค้นหา
จากกรณีที่เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงของกองทัพอากาศ ได้ขาดการติดต่อและสูญหายจากจอเรดาร์ บริเวณเขาชะเมา จ.จันทบุรี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา บนเครื่องมีผู้ปฏิบัติหน้าที่ 3 ราย ได้แก่ น.ต. พสิษฐ์ เตชะเสน นักบิน, ร.ท. อลงกรณ์ จันทร์กระจ่าง นักบิน และ พ.อ.อ. วิสุทธิ์ พุทธรักษา ช่างเครื่อง และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้ลงพื้นที่ค้นหาร่วม 3 วันนั้น

           ความคืบหน้าล่าสุด กองทัพอากาศ แถลงข่าวว่า พบชิ้นส่วนเฮลิคอปเตอร์ UH-1H แล้ว นักบิน 2 นาย และช่างเครื่อง 1 นายเสียชีวิตทั้งหมด ส่วนจุดที่พบเฮลิคอปเตอร์ อยู่ห่างจากสถานีโทรคมไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 500 เมตร ในเขต จ.ระยอง

เฮลิคอปเตอร์กองทัพอากาศตก

เฮลิคอปเตอร์กองทัพอากาศตก

ติดตามข่าว เฮลิคอปเตอร์กองทัพอากาศตก ทั้งหมด

ภาพและข้อมูลจาก ทวิตเตอร์ @thapanee3miti @ThaiPBSNews@Korn_PPTV,@pui_tuangpornjoey_kanisเฟซบุ๊ก Thapanee Ietsrichai รายการเรื่องเล่าเช้านี้

ภาพ Suzuki Swift 2017 โฉมใหม่ไกล้เคียงตัวจริง

Suzuki Swift  อีโคคาร์ยอดนิยมหลังจากเปิดตัวในบ้านเราก็ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องรวมถึงต่างประเทศล่าสุดทางเว็บไซต์ Auto Express ประเทศอังกฤษได้เผยแพร่ภาพร่างของเจ้า Suzuki Swift 2017 โฉมใหม่ล่าสุด
SUzukiwei23
ภาพดังกล่าวได้เผยแพร่ในโลกอินเตอร์เน็ตเป็นภาพ Suzuki Swift โฉมใหม่ที่ยังใช้ตัวถังแฮทซ์แบ็ค 5 ประตูไฟหน้าออกแบบให้ใหญ่ขึ้น กระจังหน้าและช่องดักลมสีดำขนาดใหญ่ เสาเอด้านหน้าสีดำ เสาซีด้านท้ายสีดำพาดยาวต่อเนื่องจากประตูคู่หลังถึงประตูด้านท้าย เพิ่มอารมณ์สปอร์ตขึ้นมากอีกขั้น
All New Suzuki Swift Sport  1
สวีฟโฉมใหม่่ได้พัฒนาบนแพล็คฟอร์มของ Suzuki Baleno ที่มีน้ำหนักเบาและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมันลดมลพิษได้ดี 
Suzuki Swift 2017 คาดว่าจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเทอร์โบ ขนาด 1.0 ลิตร Swift Sport จะเปิดตัวตามมาอีกทีในปี 2018 โดยคาดว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตร Boosterjet ที่ให้กำลังสูงสุด 138 แรงม้า
สำหรับ Suzuki Swift โฉมใหม่เตรียมเปิดตัวที่ยุโรปแน่นอนภายในปีนี้แต่สำหรับบ้านเราต้องรอติดตามข่าวครับ
All New Suzuki Swift Sport  3All New Suzuki Swift Sport  2
เรียบเรียงโดย www.kcycar.com
ขอบคุณข้อมูล www.autoexpress.co.uk , www.auto.sanook.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

Toyota Sienta จ่อเปิดตัว ในไทยราคาเริ่มต้น 8 แสนบาท

เราได้นำเสนอข่าวของการเปิดตัวเจ้า Toyota Sienta ในงานมหกรรมรถยนต์อินโดนีเชีย มอเตอร์โชว์ ช่วงเดือนเมษายน 2016 ที่ผ่านมา และล่าสุดมีข่าวดี โตโยต้า เซียนต้า พร้อมเปิดตัวในไทยเร็วๆนี้
Toyota Sienta 2016 22 1
Toyota Sienta พร้อมเปิดตัวในบ้านเราโดยตัวรถมีขนาดมิติตัวถังยาว 4,235 มม. กว้าง 1,695 มม. และสูง 1,675 มม.  ภายนอกมาพร้อมการออกแบบทั้งกรอบไฟ LED Projector และฟังก์ชั่นปรับความสูงต่ำ อัตโนมัติพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วทูโทน ไฟท้าย LED ปุ่มสตาร์ทปิด-เปิดด้วยระบบไฟฟ้าและสวิทซ์ Easy Closer
Toyota Sienta 2016 22 2
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายมาพร้อมหน้าจอมัลติฟังก์ชั่นขนาด 4.2 นิ้ว และหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 7 นิ้วรองรับแอปเปิ้ลและแอนดรอยด์ พร้อมระบบแอร์อัตโนมัติพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
Sienta มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2NR-FE Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้า แรงบิตสูงสุด 143 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 6 สปีตและเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีต
Toyota Sienta มาพร้อม 4 รุ่นย่อยให้เลือกได้แก่ E, G, V และ Q พร้อมเคาะราคาจำหน่ายอยู่ที่ 8-9 แสนบาทแต่จะเปิดตัวในไทยตอนไหนต้องรอคำตอบอีกที
Toyota Sienta 2016 22 7Toyota Sienta 2016 22 6Toyota Sienta 2016 22 5Toyota Sienta 2016 22 4Toyota Sienta 2016 22 3
ขอบคุณข้อมูล www.autospinn.com


ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


อย่าตกใจ!! รถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากอะไร ? แก้อย่างไร?

รถสตาร์ทไม่ติด’ ถือเป็นปัญหายอดฮิตสำหรับผู้ใช้รถยนต์ สตาร์ทรถไม่ติดพยายามบิดกุญแจยังไงก็สตาร์ทไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้หลาย ๆ คนคงประสบพบเจอมากับตัวเอง ยิ่งเป็นเวลาเร่งด่วนที่ต้องรีบเร่งด้วยแล้ว น่าโมโหจริงๆ


รถยนต์สตาร์ทไม่ติดอะไรเสียกันแน่สงสัยจัง สำหรับปัญหาหลักของอาการสตาร์ทไม่ติด ส่วนมากจะมาจาก 4 สาเหตุ นั่นก็คือ 1.แบตเตอรี่เสื่อม 2.ไดชาร์จเสื่อม 3.มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม 4.ระบบไฟฟ้าในรถมีปัญหา วันนี้ Unseencar จะกล่าวถึงวิธีสังเกตุเพื่อหาสาเหตุของรถยนต์สตาร์ทไม่ติด และวิธีแก้ไขเฉพาะหน้ากันครับ
1. แบตเตอรี่เสื่อม เนื่องจากแบตเตอรี่โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานราว 2 ปี ต้องทำการเปลี่ยนลูกใหม่


2. เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถทิ้งไว้ เช่น ไฟหน้า, ไฟในรถ และอื่นๆ ซึ่งทำให้กินประจุไฟฟ้าตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งสามารถแก้ไขเฉพาะหน้าได้ด้วยวิธีพ่วงสตาร์ต (ในรถเกียร์อัตโนมัติ) หรือ เข็นสตาร์ท (ในรถเกียร์ธรรมดา) โดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ และเมื่อสตารท์ติดแล้ว อย่าเพิ่งดับเครื่องทันที ให้ขับรถไปบนถนนสักพัก เพื่อให้แบตเตอรี่ได้รับการชาร์จไฟ จนมีประจุเพียงพอในการสตาร์ทครั้งต่อไป


3.ไดชาร์จเสื่อม เนื่องจากถึงอายุการใช้งานของมันเอง ทำให้ไม่สามารถชาร์จไฟไปยังแบตเตอรี่ได้ ซึ่งหากเป็นที่ไดชาร์จจริง จะมีสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่ขึ้นค้างไว้ที่หน้าปัทม์รถขณะขับขี่ กรณีนี้อาจต้องนำช่างมาลากรถไปยังศูนย์บริการ เพื่อเปลี่ยนไดชาร์จลูกใหม่ หรือนำแบตเตอรี่สำรองมาใส่แทนไปก่อน แล้วจึงนำรถไปยังศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด ก่อนที่แบตเตอรี่จะหมดอีกครั้ง


4.ระบบไฟฟ้ารถมีปัญหา ความจริงแล้วระบบไฟฟ้ารถมีปัญหานั้น เกิดยากสักหน่อย แต่ก็เป็นไปได้ อาการก็ดูง่าย ๆ ว่าบิดกุญแจแล้วไฟที่แผงหน้าปัดไม่มีอะไรขึ้นเลย หากก่อนหน้านี้จอดทิ้งรถไว้นาน ๆ มีกรณีหนูเข้ามากัดสายไฟมาแล้ว

ในกรณีนี้หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา สามารถใช้วิธีเข็นสตาร์ตเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ จากนั้นจึงนำรถเข้าไปยังศูนย์บริการหรืออู่ต่อไป

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

เผยเทคนิค ‘ขับรถขึ้นเขา-ลงเขา’ ของชาวเกียร์ออโต้ แค่ทำแบบนี้คุณจะปลอดภัย


เลือกเครื่องยนต์ให้เหมาะสม


การขับรถขึ้นเขาอาจต้องใช้รถยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์มากกว่า 1500 ซีซี ขึ้นไป ส่วนกรณีรถยนต์ อีโคคาร์ประมาณ 1200 ซีซี ก็พอไปได้ แต่คงต้องดูแรงบิดของรุ่นให้ดี

หลักการขับรถขึ้นเขา

1. ให้ใช้เกียร์ D หรือ D2-D1 ขึ้นอยู่กับความชันน้อยหรือมาก โดยให้ใช้เกียร์ D2-D1 ในการขับขึ้นเขาลงเขา และเปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้าง เมื่อรถอยู่ในทางราบ

2. เหยียบคันเร่งตามจังหวะความชัน พยายามให้รอบเครื่องอยู่ประมาณ 2000-3500 ควบคุมไม่ให้เกิน 4500

3. ใช้ความเร็วเพียง 50-80 km/h ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องแข่งกับใคร ถ้ารถหลังรีบก็ให้ชิดซ้ายเพื่อเปิดทางให้เขาแซงไปก่อน

4. คุมระยะรถให้ห่างคันหน้าประมาณ  30-50 เมตร เพราะการเว้นระยะจะเผื่อไว้ในกรณีที่รถคันหน้าเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ขึ้นไม่ไหว หรือรถตายกลางทาง คุณจะได้มีโอกาสหลบเลี่ยงได้อย่างปลอดภัย  ที่สำคัญการเว้นระยะจะทำให้คุณมีโอกาสเร่งรถขึ้นเขาได้สบายมากขึ้นด้วย

5. เมื่อต้องขับรถโค้งต่อเนื่องรูปตัว S ต้องมองให้ไกล มองให้ลึก เมื่อแน่ใจว่าทางว่าง และไม่มีรถสวนมาให้ จากนั้นให้ถอนคันเร่งลง แล้วเสียบตัดโค้งในแนวการขับให้เป็นเส้นตรงมากที่สุด

6. การขับในทัศนวิสัยที่ไม่ดี หรือเป็นทางโค้งแคบที่มีสันเขาบังสายตา ควรเข้าโค้งแบบธรรมดา และต้องบีบแตรส่งสัญญาณก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวนมา

หลักการขับรถลงเขา


1. ให้ใช้เกียร์ D หรือ D2-D1 เช่นเดียวกันตอนขึ้นเขา และห้ามใส่เกียร์ว่าง  'N' ลงเขาเด็ดขาด! เพราะจะทำให้รถไหลลงด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีแรงหน่วงของเครื่องยนต์ ที่สำคัญอย่าลืมควบคุมความเร็วของรถให้สัมพันธ์กับเกียร์ด้วย

2. ห้ามย้ำเบรคค้างนานๆ เพราะจะทำให้ผ้าเบรคไหม้ คุมรถไม่อยู่ หรือ "เบรคแตก" ได้ ให้แตะเบรคเบาๆเป็นช่วงๆให้รู้สึกว่ารถชะลอความเร็วลง

3. ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเหยียบคันเร่ง แต่ปล่อยให้รถลงมาเองด้วยเกียร์ D/D1-2

4. ก่อนเข้าโค้งหักศอกแล้วลาดลง ให้แตะเบรคลดความเร็วลงมาที่ 40-50 km/h ก็พอ

5. อย่าแซงรถใหญ่หรือรถบรรทุกหนักในช่วงทางลงเขาชัน เพราะรถพวกนี้จะมีอัตราเร่งสูงกว่ารถทั่วไป


การจะขับรถขึ้นเขาหรือลงเขาต้องอย่าลืมพกสติในการขับขี่ไปให้มากๆด้วย เพราะการขับรถเส้นทางเหล่านี้ไม่ใช่เส้นทางปกติที่คุณขับกันทุกวัน แต่เป็นการขับขี่บนเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูง หากคุณประมาท โอกาสที่จะประสบอุบัติเหตุก็ย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายมากกว่าปกติ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก matichon.co.th, oknation.net และ autodeft.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

Tesla ประเทศไทย เปิดขาย Tesla Model S พร้อมส่งมอบรถในปีหน้า


 Tesla ประเทศไทย เปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก Tesla Model S เคาะราคาเริ่ม 5 ล้านบาท ก่อตั้งบริษัทตัวแทนและจัดจำหน่ายในนาม เทสลา ออโตโมทีฟ

 หลังจากที่เราเคยส่องผังบูธงาน Motor Expo 2015 แล้วเห็น Tesla Motor โผล่เข้าร่วมงาน มาวันนี้ได้ความกระจ่างชัดแล้ว โดยในประเทศไทยมีการก่อตั้งบริษัท เทสลา ออโตโมทีฟ เป็นพันธมิตรทางธุกิจกับ Tesla Motor เริ่มนำเข้ารถยนต์พลังไฟฟ้า 100% จากสหรัฐอเมริกา พร้อมกับวางรากฐานซูเปอร์ชาร์จตามปั๊มน้ำมันไว้บริการ

          เทสลา ออโตโมทีฟ เผยข้อมูลเกี่ยวกับการมาครั้งนี้ด้วยว่า จะเปิดตัวกับสาธารณชนครั้งแรกในงาน Motor Expo 2015 กับธีมงาน "New Standards... Thai Vehicles Care About Earth" หรือ มาตรฐานใหม่.. ยานยนต์ไทยรักษ์โลก

   ภายในบูธจะพบนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางยานยนต์ชั้นสูงส่งตรงจากสหรัฐอเมริกา อาทิ

          - แผงแบตเตอรี่อันทรงพลังที่ใช้ในรถยนต์ของ Tesla ที่เป็นชนิดแบตลิเธียม-ไอออน ที่มีประจุ 85 กิโลวัตต์/ชม. ส่งพลังให้มอเตอร์ไฟฟ้าพารถวิ่งไกลกว่า 480 กม. ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

          - การทดสอบแรงม้าด้วยเครื่องไดโน เทสต์ ว่ารถที่ Tesla นำมาจัดจำหน่าย Tesla Model S P90D ให้พลัง 762 แรงม้าจริง โดยไม่ต้องใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อน เพราะไม่เครื่องยนต์ แถมทำโชว์ในบูธจัดแสดงได้เลยเพราะการปล่อยคาร์บอนมอนออกไซด์เป็น 0

          - ออปชั่นอันโดดเด่นอย่าง Auto Pilot หรือการที่รถบังคับตัวเอง (รถไร้คนขับ), Auto Parking เข้าจอดรถเอง
เทสลา ออโตโมทีฟ จะนำเข้า Tesla Model S มาจัดจำหน่าย (เพราะในต่างประเทศก็ยังมีรุ่นเดียว) โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย
          Tesla Model S 85D ที่ให้พลัง 417 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.3 วินาที
          Tesla Model S P90D ที่ให้พลัง 762 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.4 วินาที

          ในเบื้องต้นจะนำเข้ามาทางเครื่องบินก่อน 14 คันในล็อตแรก และจากนั้นมาล็อตใหญ่ 300 คันทางเรือ

          Tesla Model S ที่เข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย สามารถชาร์จกับไฟบ้านผ่านอะแดปเตอร์ที่ให้มากับรถ โดยใช้เวลาประมาณ 8 ชม. เพื่อให้ประจุเต็ม โดยคำนวณค่าไฟต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งที่ประมาณ 200-255 บาท และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 480 กม.

          นอกจากนี้ทาง เทสลา ออโตโมทีฟ กำลังวางแผนติดตั้งซูเปอร์ชาร์จ (Supercharger) ตามปั๊มน้ำมันประมาณ 120 แห่งทั่วประเทศ หรือทุก ๆ ระยะ 200 กม. ที่สามารถชาร์จไฟรถ Tesla Model S ให้เต็มได้ใน 20 นาทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

          Tesla Model S เปิดพร้อมจำหน่ายในงาน Motor Expo 2015 โดยเคาะราคาเริ่มต้นไว้ที่ 5 ล้านบาท (ในงานจะแจ้งราคาที่กำหนดชัดเจน) พร้อมมีรถส่งต้นปี 2559 และผู้ที่จองรถในงานจะได้ชุดอุปกรณ์และอุปกรณ์ตกแต่งเต็มรูปแบบครับ
นางสาวนวมลลิ์ ฐิติวรทัต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทสลา ออโตโมทีฟ


















ภาพจาก Tesla MotorsTesla

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook