ขับรถเที่ยวหน้าหนาวให้ปลอดภัยไร้กังวล


ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่ได้มีฤดูหนาวแบบหฤโหดเหมือนกับทางฝั่งตะวันตกซึ่งต้องเตรียมพร้อมยางลุยหิมะกันยกใหญ่ แต่คนที่ชื่นชอบการขับรถเที่ยวดอยสูงก็ควรเตรียมความพร้อมทั้งคนและรถเช่นกัน
หลายจังหวัดทั้งภาคเหนือและภาคอีสานมักคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศที่ต้องการสัมผัสอากาศหนาวในช่วงปลายปี แน่นอนว่า อุบัติเหตุย่อมมีมากขึ้นตามจำนวนผู้คนที่ขับรถท่องเที่ยวมากกว่าช่วงเวลาปกติ เราจึงขอแนะนำเคล็ดลับการขับรถหน้าหนาวอย่างไรให้ปลอดภัยไร้กังวล

1. อุ่นเครื่องยนต์ให้นานขึ้น
เริ่มจากก่อนออกเดินทาง ควรสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้นานกว่าเดิม อย่างน้อยสัก 1 นาทีเพื่อให้เครื่องยนต์ได้ “วอร์มอัพ” น้ำมันหล่อลื่นและชิ้นส่วนต่างๆ มีความพร้อมทำงานอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันการสึกหรอและยืดอายุการใช้งานของตัวรถ
2. ใช้ไฟตัดหมอก
ถึงเวลาแล้วที่คุณจะได้ใช้ไฟตัดหมอกให้เป็นประโยชน์ เมื่อต้องขับขี่ผ่านเส้นทางเทือกเขาสูงหรือกระทั่งถนนทางราบในหลายจังหวัดของภาคเหนือและอีสานในช่วงสิ้นปีมักจะมีหมอกควันในช่วงเช้าหรือเย็น (บางครั้งตลอดทั้งวัน) ดังนั้น ควรเปิดไฟตัดหมอกเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยทั้งแก่ผู้ขับขี่เอง และเพื่อนร่วมท้องถนนที่จะเห็นคุณได้ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ควรเปิดระบบไล่ฝ้าเป็นระยะเพื่อเพิ่มการมองเห็น

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/Drive-Safely-in-Fog.jpg
3. หลีกเลี่ยงการจอดไหล่ทาง
ถ้าไม่มีความจำเป็นถึงที่สุดจริงๆ ไม่ควรจอดรถบริเวณไหล่ทางเนื่องจากทัศนวิสัยที่เลวร้ายทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนได้ง่าย ควรมองหาที่จอดพักรถ ปั๊มน้ำมันหรือจุดชมวิวที่ลึกเข้าไปข้างทาง
4. ขับช้ากว่าปกติ
การขับรถท่ามกลางหมอกควันไม่ต่างจากการขับรถท่ามกลางฝนตกหนัก ควรลดความเร็วลงกว่าปกติเพื่อป้องกันความเสี่ยงอุบัติเหตุ เนื่องจากเราไม่สามารถมองเห็นถนนหนทางได้ชัดเจนนัก ความเร็วที่ช้าลงจะช่วยเพิ่มระยะเวลาการตัดสินใจได้มากขึ้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะบนถนนต่างจังหวัดที่มักมีรถมอเตอร์ไซค์และจักรยานของชาวบ้าน รวมถึงสิงสาราสัตว์จากป่าข้างทาง
5. ปิดแอร์ รับอากาศบริสุทธิ์สดชื่น
การขับรถขึ้นหรือลงดอยช่วยเปิดโอกาส (ที่ไม่บ่อยครั้งนัก) ให้เราสามารถปิดแอร์และเปิดกระจกเพื่อสัมผัสอากาศเย็นอันบริสุทธิ์ที่พัดผ่านได้ การปิดแอร์ขณะขับรถขึ้นลงดอยสูงยังช่วยประหยัดน้ำมันและถนอมการทำงานของเครื่องยนต์ได้อีกทางหนึ่งด้วย

เรียบเรียง www.kcycar.com

หม้อน้ำเติมอะไรดีที่สุด “น้ำเปล่า” หรือ “Coolant”


หลายคนอาจสงสัยว่าหม้อน้ำรถยนต์ควรเติมอะไร ? โดยเฉพาะมือใหม่หัดขับกับรถคันแรก ที่คนข้างบ้านอาจจะบอกว่าเติมน้ำเปล่าก็พอแล้ว หรือช่างผู้เชี่ยวแนะนำให้เติมน้ำยาหล่อเย็น (Coolant) ดีกว่า เราจะมาไขข้อสงสัย ว่าเติมแบบไหนมีข้อดียังไง และมีข้อเสียอะไรบ้างติดตามกันได้เลยครับ
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า “หม้อน้ำ” คือส่วนสำคัญของระบบหล่อเย็นรถยนต์ โดยทำงานร่วมกับปั๊มน้ำ วาล์วน้ำ และพัดลม ซึ่งระบบระบายความร้อนทั้งหมดจะทำงานตั้งแต่เครื่องเริ่มสตาร์ตทันที ในระบบการระบายความร้อนจะมีการใช้น้ำแบบหมุนเวียน ซึ่งน้ำทั้งหมดจะไหลผ่านตามท่อต่าง ๆ ของเครื่องยนต์
ถ้าเติมน้ำเปล่าไปจะเป็นอย่างไร?
การเติมน้ำเปล่านั้น ช่วงแรก ๆ ที่เติมมาใหม่จะยังไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่ในระยะยาวจะเริ่มออกอาการตามเวลาอย่างตระกรันในหม้อน้ำ หากละเลยไปจะมีการสะสมเรื่อย ๆ จนทำให้หม้อน้ำอุดตัน ยิ่งอะไหล่บางส่วนในเครื่องยนต์ของรถรุ่นใหม่ถูกผลิตด้วยอะลูมิเนียม อาจทำให้เป็นสนิมง่าย เกิดผุกร่อนจนกลายเป็นรอยรั่ว และยังทิ้งเศษตะกอนแดงเอาไว้อีกด้วย
ดังนั้นเราควรป้องกันไว้ดีกว่าแก้ กับอีกตัวเลือกที่ปกป้องได้มากกว่าอย่าง น้ำยาหล่อเย็น (Coolant) เพราะมีส่วนผสมของสาร Ethylene Glycol ช่วยชะลอการเดือดได้ดีกว่า ด้วยคุณสมบัติที่มีจุดเดือดสูงกว่าน้ำเกือบ 2 เท่า ทำให้ช่วงอุณหภูมิกว้าง นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันการเกิดสนิมสาเหตุของการผุกร่อน, ช่วยหล่อลื่นปั๊มน้ำให้ทำงานได้ดี, ด้วยสีผสมสารเรืองแสงของน้ำยาหล่อเย็น ช่วยเรื่องการสังเกต ทำให้เห็นรอยรั่วตามอะไหล่ รวมถึงที่พื้นถนนได้ชัดเจนกว่า ในกรณีเกิดปัญหาหกรั่วไหล และที่มองข้ามไปไม่ได้ คือต้องเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงกับน้ำยาหล่อเย็นที่เราแนะนำอย่าง Super Coolant Organic Technology สามารถใช้ได้ทั้งรถเก๋ง, รถปิกอัพ, รถบรรทุก แม้กระทั่งเรือหางยาวก็ใช้ได้เหมือนกัน ช่วยดูแลระบบหล่อเย็นได้อย่างยาวนานถึง 2 ปี หรือ 200,000 กม.
เรียบเรียง www.kcycar.com
ข้อมูล http://www.valvoline.co.th/information/tips/201912.php