น้ำมันเครื่อง”เติมผิด รถแพงแค่ไหนก็พังได้

     สิ่งที่เราต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุดในอายุการใช้งานของรถยนต์คันหนึ่ง สิ่งนั้นคือน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าน้ำมันเครื่อง ที่อยากจะกล่าวถึงเรื่องนี้ก็เพราะว่าลูกค้าที่เข้ามาเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง มักจะไม่แน่ใจว่าจะเลือกน้ำมันเครื่องอย่างไรดี ส่วนใหญ่นั้นมักจะเลือกจากยี่ห้อเป็นหลัก ซึ่งทำให้น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์บางยี่ห้อที่มีคุณภาพดีๆ ถูกมองข้ามไป อย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะยี่ห้อของคนไทยเอง เริ่มด้วยการอธิบายหน้าที่ของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์…



1. หน้าที่ในการหล่อลื่น หรือน้ำมันเครื่อง
โดยน้ำมันหล่อลื่นจะเคลือบชิ้นส่วนโลหะในเครื่องยนต์ในลักษณะเป็นฟิล์ม เคลือบอยู่ที่ผิวโลหะ เพื่อช่วยลดการสัมผัสกันโดยตรงของชิ้นส่วนโลหะ โดยความหนาของฟิล์มนั้นขึ้นอยู่กับความหนืดของน้ำมันเครื่อง

2. หน้าที่ในการระบายความร้อน 
ในช่วงที่เครื่องยนต์กำลังทำงานนั้นจะเกิดความร้อนขึ้นบริเวณรอบๆฝาสูบ รอบๆกระบอกสูบ ลูกสูบ ข้อเหวี่ยงและ ชิ้นส่วนภายในต่าง ๆ ปั๊มน้ำมันเครื่องจะส่งน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ เมื่อน้ำมันเครื่องไหลกลับก็จะพาเอา ความร้อนกลับลงไปสู่อ่างน้ำมันเครื่องด้วย จึงเป็นการระบายความร้อนให้ชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์อีกทางหนึ่ง

3. หน้าที่ในการป้องกันสนิมและการกัดกร่อน 
การเผาไหม้ในเครื่องยนต์จะทำให้เกิดความชื้นและไอน้ำ เป็นสาเหตุให้เกิดสนิมกับชิ้นส่วนต่าง ๆ ขณะเดียวกัน  การเผาไหม้เชื้อเพลิงก็ทำให้เกิดกรดกำมะถัน ซึ่งสามารถกัดกร่อนชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ให้สึกหรอได้ น้ำมันเครื่องมีหน้าที่ทำให้ไอน้ำและกรดกำมะถันเจือจางลงซึ่งช่วยป้องกัน สนิมและการกัดกร่อนได้

4. หน้าที่ในการป้องกันการรั่วของกำลังอัด 
น้ำมันเครื่องที่มีลักษณะเป็นฟิล์มจะช่วยเคลือบผนังกระบอกสูบ เพื่อทำหน้าที่ป้องกันการรั่วของกำลังอัดภายใน กระบอกสูบที่จะไหลผ่านระหว่างแหวนลูกสูบและกระบอกสูบลงสู่ห้องแคร้งของเครื่องยนต์

5. หน้าที่ในการทำความสะอาด 
การเผาไหม้ในเครื่องยนต์จะทำให้เกิดเขม่าและผงโลหะ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันภายในชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้ เพราะฉะนั้นน้ำมันเครื่องมีหน้าที่ชะล้างเขม่าและป้องกันการรวมตัวกันของผงโลหะที่อาจทำให้เกิดการอุดตันได้

Screen Shot 2559-03-29 at 3.59.35 PM

ความสำคัญกับการเลือกน้ำมันเครื่อง พอจะแนะวิธีการเลือกใช้น้ำมันเครื่องในเบื้องต้นดังนี้

1. เลือกจากชนิดของน้ำมันเครื่อง  คือการเลือกโดยดูจากพื้นฐานของน้ำมันเครื่องว่าเป็นชนิดไหน ซึ่งจะมีผลกับอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่อง โดยส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 3 ชนิด ดังนี้

1.1 น้ำมันเครื่องชนิดธรรมดา
1.2 น้ำมันเครื่องชนิดกึ่งสังเคราะห์
1.3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์

โดยข้อแตกต่างของน้ำมันเครื่องทั้งสามชนิดนี้ก็คือโครงสร้างของโมเลกุลในตัวน้ำมันเครื่องที่มีการยึดตัวเกาะกัน โดยการยึดตัวของอะตอมที่ต่างกันทำให้น้ำมันเครื่องสามารถคงความหนืดและ ลักษณะการเป็นฟิล์มได้นานต่างกัน  สรุปง่าย ๆ ว่าข้อแตกต่างของน้ำมันเครื่องทั้งสามชนิดก็คือระยะเวลาในการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั่นเอง
โดยระยะเวลาของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั้นอาจแตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับ ลักษณะการใช้รถยนต์ของแต่ละท่าน เช่น บางท่านอาจวิ่งทางไกลอย่างเดียวซึ่งไม่ค่อยพบกับการจราจรที่ติดขัด ระยะเลขกิโลเมตรที่หน้าปัทม์ของรถท่านก็อาจตรงกับระยะทางที่ท่านวิ่งจริง ๆ  ท่านสามารถเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามที่กำหนดไว้หรือมากกว่าได้ แต่ผู้ที่พบการจราจรที่ติดขัดอยู่เป็นประจำ แม้รถของท่านจะไม่ได้วิ่งแต่เครื่องยนต์ของก็ทำงานตลอดเวลา จึงควรจะเปลี่ยนเร็วกว่าที่กำหนดไว้สักนิด

2. เลือกจากเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่อง คือการเลือกโดยดูจากเกรดคุณภาพที่เกิดจากการทดสอบคุณสมบัติด้านต่างๆของ น้ำมันเครื่อง ซึ่งเกี่ยวข้องกับคุณภาพและประสิทธิภาพเกือบทุกด้านของน้ำมันเครื่อง โดยสถาบันที่ได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกให้เป็นผู้ทดสอบคือ สถาบัน API ที่ย่อมาจาก AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE โดย API จะแบ่งเกรดคุณภาพเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 คือเกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์เบนซินซึ่งตามหลังอักษรย่อ API โดยจะใช้ตัวอักษร S
(STATION SERVICE-SPARK IGNITION) นำหน้าตัวอักษรย่อที่บ่งบอกเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องซึ่งเริ่มจากตัวอักษร A ซึ่งเป็นเกรดคุณภาพต่ำสุดจากนั้นจึงไล่ตามตัวอักษรไปเรื่อยๆ  คือ B, C, D, E, F, G, H,J และ Lเช่น API SG, API SJ, API SL  และ API SM  ซึ่งเป็นเกรดคุณภาพสูงสุดในปัจจุบัน เราสามารถดูเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่แสดงไว้บนฉลากข้างแกลลอน
กลุ่มที่ 2 คือเกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งตามหลังอักษรย่อ API โดยจะใช้ตัวอักษร C (COMMERCIAL SERVICE-COMPRESSION IGNITION) นำหน้าตัวอักษรย่อ ที่บ่งบอกเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องซึ่งเริ่มจากตัวอักษร A ซึ่งเป็นเกรดคุณภาพต่ำสุดจากนั้นจึงไล่ตามตัว  อักษรไปเรื่อยๆคือ B, C,D, E, F, G, Hและ I เช่น API CF, API CG-4, API CH-4และ API CI-4  (เลข 4 ที่ตามหลังหมายถึง เน้นใช้สำหรับเครื่องยนต์ 4 จังหวะ)
ตามความเป็นจริงแล้วทั้งน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ ดีเซลนั้น สามารถใช้ได้กับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลได้ แต่จะมีความเหมาะสมกับเครื่องยนต์แต่ละชนิดต่างกัน หากน้ำมันเครื่องชนิดไหนที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซิน ทางสถาบัน API จะนำเกรดคุณภาพที่เหมาะสมมา ไว้ข้างหน้าเช่น น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์เบนซินจะมีเกรดคุณภาพดังนี้ API SL/CF หรือน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ดีเซลก็จะมีเกรดคุณภาพดังนี้ API CH-4/SJ ซึ่งหมายความว่าเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องดีเซลชนิดนี้เทียบเท่ากับเกรด คุณภาพของน้ำมันเครื่องเบนซินในเกรดคุณภาพ SJ นั่นเอง ส่วนที่แตกต่างกันของน้ำมันเครื่องทั้ง 2 เกรดคุณภาพคือ ส่วนประกอบอื่นๆของน้ำมันเครื่องเช่นสารเพิ่มคุณภาพ (ADDITIVES) ซึ่งเหมาะกับเครื่องยนต์ที่ต่างชนิดกัน ในปัจจุบันผมแนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องเกรดคุณภาพสูงสุดหรือใกล้เคียงเกรด คุณภาพสูงสุดอยู่เสมอ ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าเกรดที่ต่ำกว่าแต่ก็คุ้มค่ากว่าเช่นกัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบราคาของน้ำมันเครื่องเกรดคุณภาพ ต่ำกับเกรดคุณภาพสูงสุดนั้นราคาก็ต่างกันไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้นเอง

Screen Shot 2559-03-29 at 4.05.28 PM

3. เลือกจากเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่อง  ความหนืดของน้ำมันเครื่องจะเกี่ยวข้องกับการสร้างชั้นเคลือบและการไหลเวียน ของน้ำมันเครื่อง ซึ่งเกรดความหนืด คืออัตราการไหลของปริมาณต่อขนาดและความยาวของรู ต่อหน่วยเวลา ณ อุณหภูมิหนึ่ง เช่น น้ำมัน 60 ซี.ซี ไหลผ่านรูขนาด 12.25 มิลลิเมตร ณ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส  ส่วนหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในการวัดเกรดความหนืดก็คือสมาคม วิศวกรรมยานยนต์หรือ SAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS) โดยเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องจะแสดงเป็นอักษรย่อ SAE แล้วตามด้วยเกรดความหนืดเป็นตัวเลข เช่น 5,10,15,30,40 และ 50 เป็นต้น โดยตัวเลขยิ่งมาก ความหนืดก็จะสูงตามไปด้วยเช่น SAE 10W-50 จะมีความหนืดมากกว่า SAE 5W-40 ซึ่งการวัดเกรดความหนืดจะแบ่งเป็นการวัดที่ 2 อุณหภูมิที่แตกต่างกัน

1. วัดที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะตามด้วยอักษร W (WINTER) เช่น 5W, 10W

2. วัดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะเป็นตัวเลขอย่างเดียวเช่น 30, 40, 50
การเลือกน้ำมันในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศร้อนให้ดูที่ตัวเลขตัวหลังสุดที่ไม่มีตัวอักษรนำหน้าอย่างเดียวก็พอ เพราะประเทศไทยไม่มีอุณหภูมิติดลบจึงไม่มีความจำเป็นต้องดูตัวเลขที่มีตัวอักษร W ตามหลัง
ส่วนการเลือกเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องนั้น ให้ดูจากคู่มือประจำรถยนต์ หากไม่ทราบเกรดความหนืดที่แน่นอนให้ใช้เกรดความหนืด 40 หากเครื่องยนต์มีอาการกินน้ำมันเครื่องให้เปลี่ยนเป็นเกรดความหนืด 50
ปัจจัยอื่นๆในการเลือกเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องก็คืออุณหภูมิของอากาศ และสภาพความหลวมของชิ้นส่วน ในเครื่องยนต์ หากอากาศภายนอกเย็นหรือเครื่องยนต์เย็น น้ำมันเครื่องควรใสและไหลง่าย เพื่อหล่อลื่นและปกป้องชิ้นส่วนของเครื่องยต์ขณะสตาร์ทและใช้งาน หากเครื่องยนต์ร้อนแล้วน้ำมันเครื่องใสเกินไป ชั้นเคลือบหรือฟิล์มจะบางเกินไปและไม่สามารถปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์จาก การสึกหรอได้ หากเครื่องยนต์ผ่านการใช้งานมามาก  และเครื่องยนต์เริ่มหลวมก็ควรเลือกน้ำมันที่มีเกรดความหนืดมากขึ้น จากมาตรฐานที่กำหนดในคู่มือรถยนต์ สักหน่อยเช่นจาก 40 เป็น 50 เพราะชั้นเคลือบหรือฟิล์มที่หนาขึ้น สามารถเข้าไปอุดช่องว่างที่เกิดจากการ สึกหรอของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย ในส่วนนี้สามารถช่วยป้องกันกำลังอัดรั่วไหลของ เครื่องยนต์ที่เกิดจากช่องว่างระหว่างแหวนลูกสูบและกระบอกสูบได้อีกทางหนึ่ง ด้วย ซึ่งทำให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย ส่วนท่านที่ใช้น้ำมันเครื่องยี่ห้อของผู้ผลิตรถยนต์มาตลอดแล้วอยากเปลี่ยนก็ สามารถทำได้ โดยเลือกน้ำมันที่มีเกรดคุณภาพและเกรดความหนืดเท่ากัน ก็สามารถใช้ทดแทนกันได้แล้วครับ บางทีท่านอาจได้ใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพสูงกว่าเดิมอีกด้วย…


ที่มา  : คนรักรถ
เรียบเรียง : Kcycar.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

‘รถหาย‘ ยังต้องผ่อนต่อหรือไม่?

   'รถหาย' ถือเป็นฝันร้ายของเจ้าของรถที่ไม่อยากให้เกิด แต่หากรถที่เรากำลังผ่อนส่งกับไฟแนนซ์อยู่เกิดถูกขโมยไปจริงๆ หลายคนคงสงสัยว่าเจ้าของรถยังคงต้องรับผิดชอบผ่อนต่อหรือไม่?
     ผู้ใช้เฟซบุ๊คท่านหนึ่ง ที่ใช้ชื่อว่า 'ทนายพรชัย รังสรรค์' ได้แนะนำข้อควรปฏิบัติเมื่อรถหาย ไว้ดังนี้ รีบแจ้งความเพื่อลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานให้เร็วที่สุด จากนั้นจึงนำใบแจ้งความที่ได้ไปยื่นให้กับบริษัทประกันภัยที่ทำไว้ รวมถึงบริษัทไฟแนนซ์ด้วย
     คำถามต่อมาคือ ค่างวดที่กำลังจะถูกเรียกเก็บต่อไปนั้น เราจำเป็นต้องจ่ายต่อไปหรือไม่? คำตอบจาก 'ทนายพรชัย' คือ ไม่ต้องผ่อนต่อ เนื่องจากสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทไฟแนนซ์นั้น เป็นสัญญาเช่าซื้อ นั่นหมายถึง ทรัพย์สินให้เช่าแลำคำมั่นว่าจะขาย (เมื่อชำระครบตามสัญญา)
     ดังนั้น เมื่อทรัพย์สินที่เช่าซื้อเกิดสูญหายขึ้นมา สัญญาย่อมระงับ ทำให้ผู้เช่าซื้อไม่ต้องผ่อนส่งอีกต่อไป ซึ่งตรงนี้ 'ทนายพรชัย' กล่าวเสริมว่า หลายคนถูกบริษัทไฟแนนซ์หลอกให้ส่งค่างวดต่อ ทั้งที่สัญญาถูกระงับแล้ว

     ทั้งนี้ บริษัทไฟแนนซ์จะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันที่ทำไว้อยู่แล้ว ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเสียหายใดๆอีก ซึ่งจุดนี้ 'ทนายพรชัย' ระบุไว้ว่า
     "ถ้ารถที่เช่าซื้อสูญหาย ก็ต้องมาคำนวณว่า รถราคาเท่าใด ผู้เช่าซื้อจ่ายเงินค่างวดมาแล้ว เป็นเงินเท่าใด บริษัทประกันได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทลิสซิ่งเนื่องจากรถหาย เป็นเงินเท่าใด ถ้า 2 จำนวนนี้รวมกันแล้วเกินกว่าราคารถที่บริษัทลิสซิ่ง ซื้อมาอย่างนี้ผู้เช่าซื้อ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย"


     เรียบเรียง : Kcycar.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


โอ้โหอึ้ง คุณป้าโวยขอค่าเสียหาย เพราะถูกรถของเล่นชน

คุณป้าโวยขอค่าเสียหาย เพราะถูกรถของเล่นชน

         แบบนี้ก็มีด้วย ป้าจีนแสบโวยวายโดนรถของเล่นชน ไม่ยอมลุกแต่โดยดี เรียกร้องขอค่าเสียหาย เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต เจอแบบนี้ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว

         เว็บไซต์เดลี่เมล เผยรายงานสุดอึ้งจากประเทศจีนว่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์หญิงสูงวัยรายหนึ่งลงไปนั่งอยู่กับพื้นริมทางเดินที่บริเวณในเมืองฉางเต๋อ มณฑลหูหนาน หลังจากถูกรถของเล่นสีแดงที่มีเด็กหญิงตัวน้อยเป็นคนขับชนเธอเข้าให้ เธอพยายามเรียกร้องค่าเสียหาย ท่ามกลางผู้คนที่มายืนดูเหตุการณ์ รวมทั้งพ่อ-แม่และเด็กหญิงเจ้าของรถของเล่น



         รายงานระบุว่าหลังจากที่คุณป้าถูกรถของเล่นชน เธอก็ลงไปนั่งอยู่กับพื้นแล้วโวยวายว่ารถของเล่นคันนี้วิ่งมาเร็วและชนเธอ พร้อมทั้งบอกว่ารถคันนี้ไม่มีใบอนุญาตให้มาขับบนทางเดินได้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมเข้าใจว่ารถคันนี้เป็นรถของเล่น ซึ่งเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เป็นผู้ขับเท่านั้น และหลังจากโวยวายแล้วคุณป้ายังไม่ยอมลุกไปไหน เอามือจับรถไว้ไม่ให้ใครเอาไป จนกว่าครอบครัวของเด็กจะยอมจ่ายค่าเสียหายชดใช้ให้กับเธอ 

         อย่างไรก็ดีจากรายงานไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ภายหลังคุณป้ารายนี้ได้รับเงินไป หรือมีใครพาเธอไปโรงพยาบาลหรือไม่แต่อย่างใด... อิอิ

ภาพจาก 365jia.cn

วิธีป้องกันแก๊งตบทรัพย์รถยนต์


9597
ข้อสังเกต : แก๊งตบทรัพย์มักจะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิง หรือคนมีอายุ และรถที่ค่อนข้างเก่า ไม่มีประกัน
คนร้ายจะทำงานกันเป็นทีม ด้วยการขับรถประกบด้านหน้าและด้านหลังของรถเรา โดยคันที่อยู่ข้างหน้า (โจร1) จะขับช้าๆ และคันที่อยู่ด้านหลัง (โจร2) มักจะขับจี้รถเรา เพื่อบังคับให้เราแซงออกไปยังเลนขวา ซึ่งเมื่อเราเปลี่ยนมายังเลนขวาแล้ว รถคันหลัง ก็จะแซงตามหลังเรามาเช่นเดียวกันและพยายามบีบแตรไล่ให้เราตกใจ เมื่อเราตกใจจนเปลี่ยนเลนมาทางซ้าย รถคนร้ายอีกคัน (โจร1) จะเร่งความเร็วขึ้น เพื่อให้รถเราเฉี่ยวชนรถตัวเองในลักษณะขับปาดหน้า และรถที่ขับจี้เรา (โจร2) จะขับหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งลักษณะการชนแบบนี้จะทำให้เรากลายเป็นคนผิด และอีกฝ่ายจะได้เปรียบตามกฎหมาย จากนั้นคนร้ายจะทำเจรจาเรียกค่าเสียหายกับผู้เสียหายทันที โดยมักจะอ้างว่าตัวเองต้องรีบไปทำธุระ
jone-car
วิธีรับมือเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้
1. พยายามตั้งสติ อย่าขับชน
2. หากชนแล้ว อย่าเพิ่งลงจากรถ ให้โทรหาตำรวจทางหลวงที่เบอร์ 1193
3. ควรเรียกคู่กรณีไปเจรจาค่าเสียหายกันที่โรงพัก เพื่อให้ตำรวจช่วยจัดการ
ยังไงใครที่จะต้องขับรถไปทำงาน หรือมีธุระไปติดต่องานที่ตามต่างจังหวัดตัวคนเดียว ก็อย่าลืมระวังตัวกันด้วยนะจ๊ะ


ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


ใบขับขี่ถูกยึด หากแจ้งความเท็จเพื่อทำใหม่ อาจขับไม่ได้ตลอดชีวิต


          ถือว่าเป็นกรณีที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเด็นว่าถ้าใบขับขี่โดนยึดทางกฏหมายไป ผู้ขับขี่ต้องไปสอบอีกครั้งเพื่อทำบัตรใหม่ หรือแม้แต่ถ้าใบขับขี่โดนยึดไป ก็สามารถแจ้งความเพื่อขอรับบัตรใหม่ได้หรือไม่ กรมการขนส่งทางบก ได้ชี้แจงสาระสำคัญที่ผู้ขับขี่ต้องรู้
          นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้เผยว่าในกรณีที่ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ถูกยึดตามกฏหมายแล้วจะต้องทำบัตรใหม่ทันทีนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะว่ากรณีที่ผู้ใช้รถฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการจราจรทางบกแล้วถูกเรียกเก็บหรือยึดใบอนุญาตขับรถโดยเจ้าพนักงานนั้น จะยังคงมีผลตามกฎหมายอยู่ ผู้ที่เป็นเจ้าของบัตรจะไดรับใบอนุญาตขับรถฉบับชั่วคราวที่สามารถใช้งานได้ไม่เกิน 7 วัน และยังต้องดำเนินการติดต่อชำระค่าปรับกับเจ้าพนักงานให้เรียบร้อยภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อรับใบอนุญาตขับรถฉบับจริงคืน


          และในกรณีที่ผู้ถูกเรียกเก็บหรือยึดใบอนุญาตได้เพิกเฉยต่อการดำเนินการรับบัตรคืนดังกล่าว และมีการแจ้งความเท็จว่าใบอนุญาตขับรถสูญหาย เพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถฉบับใหม่กับกรมการขนส่งทางบก จะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ฐานแจ้งความเท็จ และ กรมการขนส่งทางบกจะไม่ดำเนินการออกใบอนุญาตขับรถให้ใหม่โดยเด็ดขาด  
           หลังจากได้ทราบรายละเอียดแล้ว ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ถูกยึดใบขับขี่จากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จะต้องรีบดำเนินการชี้แจงและชำระค่าปรับตามที่กฏหมายกำหนด เพื่อรักษาสิทธิ์ในการขับขี่รถยนต์ของท่าน

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

น้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำคืออะไร




            หลายคนคงเคยใช้น้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำมันมาบ้างแล้วแต่รู้หรือไหมครับว่าหน้าที่ของน้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำสีเขียวๆที่เราเติมกันลงไปเนี่ยมันมีหน้าที่อะไร วันนี้จึงมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับน้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำมากฝากกันจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาติดตามกันเลย

            รู้หรือไม่ครับว่าน้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำที่เราเติมลงไปในหม้อน้ำเรานั้นจริงๆแล้วน้ำยาเหล่านี้ไม่ได้ช่วยในการระบายความร้อนซักเท่าไหร่เลย แต่จำทำให้จุดเดือดของน้ำที่มีน้ำยาที่ผสมอยู่สูงขึ้น ซึ่งก็จะทำให้น้ำเดือดช้าลง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าน้ำยาหล่อเย็นจะมีดีแค่นี้นะครับ เพราะมันยังสามารถป้องกัดสนิท ป้องกัดการกัดกร่อน ของหม้อน้ำในสมัยนี้ได้อย่างดีทีเดียวละครับ

หน้าที่หลักๆขอน้ำยาหม้อน้ำคือ
1.ป้องกันน้ำในระบบแข็งตัวเป็นน้ำแข็งในจังหวะสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ๆ ซึ่งในเมืองไทยข้อนี้อาจจะไม่เห็นผลหรอกครับเพราะบ้านเรามันร้อนเหลือเกิน
2.เพิ่มจุดเดือดน้ำ คือชลอการละเหยของน้ำในระบบหล่อเย็นเวลาเครื่องยนต์ร้อนจัด
เพราะเวลาน้ำเดือดน้ำจะระเหยกลายเป็นไอที่ 100C ํ นั่นเองครับ
ซึ่ถ้าผสมน้ำยาหมอน้ำลงไปก็จะระเหยที่ 105 / 110  / 115 องศาเซลเซียส ตามสัดส่วนที่เราผสมนั่นเอง
3.ป้องกันการเกิดสนิม ตะกอน พอมีสนิมก็ผุ กร่อน มีตะกอน ช่วยไม่ให้มีการอุดตันในรังผึ้งของหม้อน้ำ
4.หล่อลื่นปั๊มน้ำและซีลปั๊มน้ำ และวาล์วน้ำ

ที่มา : car.boxzaracing.com
เรียบเรียง : Kcycar.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

ของแต่งรถเบื้องต้น 10 อย่าง ที่จะเพิ่มสมรรถณะของรถคุณให้เหมือนรถแข่ง

 
          ในทุกวันนี้หลายๆคนเมื่อซื้อรถยนต์มาเป็นของตัวเองสักคันนึง ก็ย่อมจะมีการตกแต่งเพิ่มเติม เพื่อแสดงความเป็นตัวตนของตัวเอง หรือเพื่อความความสวยงามและเพื่อเพิ่มสมรรถณะต่างๆ ให้ดีมากกว่าเดิม  จะมีทริคแนะนำเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับการตกแต่งรถแบบขั้นเริ่มต้นที่จะช่วยเพิ่มสมรรถณะของคุณให้คล้ายกับรถแข่งในสนามเลยก็ว่าได้หล่ะครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปมากกว่านี้ เราไปดูพร้อมๆกันเลยดีกว่าครับ

  • เปลี่ยนยางของคุณให้เป็นยางที่สมรรถณะสูงขึ้น - โดยยางติดรถยนต์ที่มาจากโรงงานนั้น ส่วนมากจะเป็นยางที่พอใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเราใช้ความเร็วสูงหรือต้องการใช้ความเร็วในโค้งนั้น ยางเดิมๆนั้นอาจจะไม่สามารถรองรับการใช้งานได้ดีเท่าไรนัก ดังนั้นยางที่มีสมรรณะสูงๆนั้นจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะของถนนให้มากกว่าเดิม แต่อาจจะต้องแลกกับราคาที่แพงกว่ายางปกติทั่วไปและเสียงรบกวนที่มาจากลวดลายของดอกยางนั่นเอง

  • อัพเกรดระบบกรองอากาศให้ดีกว่าเดิม - โดยกรองอากาศแล้วหลักๆจะมีหน้าที่ดักจับฝุ่นละอองเพื่อที่จะให้อากาศที่เข้าสู่ห้องเผาไหม้นั้นสะอาดที่สุด ซึ่งการเปลี่ยนเป็นกรองอากาศคุณภาพสูงนั้นจะสามารถช่วยดักจับฝุ่นละออกได้มากยิ่งขึ้นและช่วยให้อากาศนั้นไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้สะดวกมากกว่าเดิม และจะส่งผลให้สามารถเพิ่มแรงม้าของเครื่องยนต์ได้อีกด้วย

  • ระบบเบรคยิ่งดีเท่าไร ชีวิตคุณก็ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น - ระบบเบรคถือเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ โดยระบบเบรคโรงงานของรถยนต์หลายๆยี่ห้อนั้นก็อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ที่จะหยุดรถในแบบกระทันหันได้ ซึ่งการเปลี่ยนผ้าเบรคเป็นเกรดที่สูงขึ้น รวมถึงการขยายจานเบรค ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่เลว ในการอัพเกรดระบบเบรคแบบเบื้องต้น

  • ระบบน้ำมัน ก็เป็นสิ่งหนึ่งไม่ควรมองข้าม - โดยในส่วนนี้จะเป็นการอัพเกรดเพื่อให้น้ำมันนั้นสามารถฉีดเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรดหัวฉีด รางหัวฉีด ปั๊มน้ำมันต่างๆ รวมไปถึงการจูนกล่อง ECU ใหม่เพื่อให้ค่าของอากาศและน้ำมันนั้นสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งถ้าทุกอย่างอยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะพอดีแล้วละก็ รับรองว่า รถของคุณจะวิ่งดีขึ้นเหมือนกับรถคนละคันเลยหล่ะครับ

  • ท่อไอเสีย ไม่ได้ทีดีแค่ให้เสียงที่ไพเราะ - หลายๆคนอาจจะเข้าใจผิดว่า การเปลี่ยนท่อไอเสียนั้นจะช่วยให้รถนั้นมีเสียงที่ไพเราะเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว การอัพเกรดท่อไอเสียนั้น หลักๆแล้วก็เพื่อให้ไอเสียที่ถูกคายจากการเผาไหม้นั้นไหลออกนอกรถได้ดียิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเปลี่ยนท่อไอเสียนั้นก็ต้องดูขนาดของเครื่องยนต์ของเรานั้นมีขนาดเท่าไร ควรใช้ท่อไอเสียขนาดแค่ไหน ดังนั้นจึงควรปรึกษาผู้เชียวชาญ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดและที่สำคัญควรเปลี่ยนท่อไอเสียที่ได้มาตรฐานและไม่สร้างความรำคาญให้แก่คนรอบข้างอีกด้วย

  • โช็คอัพดี มีชัยไปกว่าครึ่ง - ในส่วนของโช็คอัพนั้นก็เป็นส่วนสำคัญของการยึดเกาะถนน ซึ่งในบางครั้งการโช็คอัพเดิมๆที่ติดรถมากนั้น อาจจะถูกปรับเซ็ทมาเพื่อการใช้งานแค่ในชีวิตประจำวัน แต่ในช่วงย่านความเร็วสูงๆหรือการเปลี่ยนเลนอย่างกระทันหันนั้น โช็คอัพเดิมๆ ก็อาจจะไม่สามารถควบคุมการทรงตัวของรถไว้ได้ ดังนั้นโช็คอัพแต่งจึงเข้ามามีบทบาทช่วยเพิ่มการยึดเกาะ รวมไปถึงสามารถปรับความสูง-ต่ำ เพื่อความสวยงามได้อีกด้วย

  • ล้อแมกซ์น้ำหนักเบา ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว - สำหรับล้อแม็กซ์นั้นนอกจากจะเปลี่ยนเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับรถของคุณแล้ว การที่เราใส่ล้อแม็กซ์น้ำหนักเบานั้นจะช่วยลดภาระของเคลื่อนยนต์ลง ทำให้รถยนต์นั้นสามารถวิ่งไปได้เร็วมากกว่าเดิม

  • อินเตอร์คูลเลอร์และระบบหล่อเย็นต่างๆ - ซึ่งสำหรับอินเตอร์คูลเลอร์นั้นอาจจะใส่ได้เฉพาะในรถที่มีระบบอัดอากาศอย่างเทอร์โบหรือซุปเปอร์ชาร์จเจอร์เพียงเท่านั้น โดยเจ้าอินเตอร์คูลเลอร์นี้จะทำหน้าที่ช่วยลดความร้อนสะสมของอากาศที่ถูกปั่นมาจากเทอร์โบก่อนจะไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ เนื่องจากในห้องเผาไหม้นั้นมีความร้อนสะสมอยู่พอสมควรแล้ว การรับอากาศเย็นๆเข้านั้นสามารถช่วยเพิ่มแรงม้าและลดอาการ Heat ของเครื่องยนต์ได้อีกทางหนึ่ง แต่สำหรับรถบ้านปกติทั่วไป อาจจะใส่เป็น Oil Cooler เพื่อลดความร้อนของน้ำมันเครื่องและช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้นานขึ้นอีกด้วย

  • คลัทช์และระบบส่งกำลังต่างๆ - รถทุกคันนั้นจำเป็นต้องมีระบบส่งกำลัง เพื่อที่จะส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังสูเพลาขับและล้อตามลำดับ ซึ่งการอัพเกรดระบบคลัทช์นั้นจะช่วยให้รถยนต์นั้นสามารถนำแรงม้าทั้งหมดลงสู่พื้นถนนได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นรถยนต์ในระดับเกียร์ธรรมดานั้น อาจจะมีข้อเสียตรงที่ว่าอาจจะต้องแลกกับคลัทช์ที่แข็งและหนักมากกว่าเดิม และอาจจะทำให้รถนั้นออกตัวยากลำบากสักหน่อยเท่านั้นเอง

  • การลดน้ำหนักของตัวรถ - วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและเป็นวิธีที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด หรืออาจจะไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย โดยพูดง่ายๆก็คือนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถนั่นแหละครับ โดยในรถแข่งนั้นอาจจะมีการใช้วัสดุประเภทคาร์บอนไฟเบอร์ หรือ การเปลี่ยนกระจกเป็นกระจกแบบอะครีลิค แต่สำหรับรถบ้านปกติทั่วไปนั้น คุณเพียงนำสัมภาระที่ไม่จำเป็นออก เช่น กระเป๋าเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องมือเครื่องใช้ต่างที่ไม่จำเป็นออก เพียงเท่านี้ คุณก็จะสัมผัสได้ว่า รถของคุณนั้นมีอัตราเร่งที่ดีกว่าเดิมไม่น้อยเลยทีเดียว


ที่มา :  BoxzaRacing
เรียบเรียง : kcycar

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

เปิดปากแนะ 4 วิธีง่ายๆที่การันตีว่ารถคุณไม่หายแน่ๆ (มีคลิป)



       นายสมทรัพย์ ทองรื่น หรือแมว ถูกตำรวจ สน.อุดมสุข จับกุมได้พร้อมสมาชิกรวม 6 คน พร้อมของกลางกว่า 10 รายการ อาทิ อาวุธปืน ยาบ้า รถยนต์ อุปกรณ์เครื่องมือช่าง หลังร่วมก่อเหตุลักรถกระบะวีโก้ ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลอุดมสุข เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ โดยคนร้ายจะแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งการสะกดรอย ดูลาดเลา และลงมือก่อเหตุ โดยอุปกรณ์ที่เตรียมมา รวมถึงการดัดแปลงให้เหมาะสมกับการก่อเหตุ ส่วนรถที่โจรกรรมได้จะส่งต่อให้นายทุนคันละ 2 แสนถึง 3 แสนบาท

ผู้ต้องหารับสารภาพ ก่อเหตุมาแล้วอย่างน้อย 6 ครั้ง ได้รถมาอย่างน้อย 23 คัน หากใช้เหล็กแทงไม่ออก จะใช้สว่านเจาะ พร้อมยอมรับว่า หากรถยนต์คันใดล็อคเกียร์ ล็อคล้อ และติดจีพีเอส จะไม่สามารถขโมยได้ ส่วนคันใดล็อกเพียงพวงมาลัย และเบรก ยืนยันสามารถถอดได้ นอกจากนี้ผู้ต้องหายังยอมรับด้วยว่าจากนี้จะไม่ก่อเหตุลักรถอีกต่อไป

ด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวรรรท.ผบช.น. กล่าวว่า ยังมีสมาชิก 1 คน ที่ยังหลบหนีคือนายแฟร้งค์ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตาม ส่วนนายแมวติดคุกมาแล้ว 2 ครั้ง สมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัว ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากนายแมว ทุกคนมีหมายจับติดตัว ส่วนใหญ่ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน รับของโจร และเป็นแก๊งโจรกรรมอันดับ 3 ของประเทศ เนื่องจากมีประวัติโชกโชนในหลายพื้นที่ ลอยนวลมานานกว่า 17 ปี และเป็นการจัดอันดับโดยเจ้าหน้าที่ สำหรับรถเป้าหมายที่แก๊งนี้ถนัดจะเป็นรถกระบะวีโก้ และฟอร์จูเนอร์ เนื่องจากนายแมวเป็นช่างเคาะพ่นสี จึงเข้าใจโครงสร้างของตัวรถเป็นอย่างดี

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

การเพิ่มขนาดล้อและยาง..มีผลกระทบอะไรต่อรถเราบ้าง มาดูกัน





          สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกันอีกครั้งกับสาระดีๆที่ทาง kcycar.com นำมาฝากเพื่อนๆกันเป็นประจำ โดยวันนี้เรามีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการเปลี่ยนล้อและยางมาฝากเพื่อนๆ ซึ่งเพื่อนๆหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าการเปลี่ยนล้อและยางนั้นมีผลกระทบกับรถยนต์ของเพื่อนๆด้วย ซึ่งในการเปลี่ยนขนาดล้อรถยนต์ที่ผิดแปลกไปจากเดิมจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เช่น การเปลี่ยนล้อจาก 15นิ้ว เป็น 16นิ้ว หรือ จาก 17นิ้ว เป็น 18นิ้ว ก็ย่อมมีผลกระทบตามมาเช่นกัน โดยจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปชมพร้อมๆกันเลยครับ
 


          การเปลี่ยนขนาดเพิ่มขึ้นย่อมกินเชื้อเพลิงมากขึ้นแต่ก็ใด้สมรรถนะที่แตกต่างเช่นกันและตัวอย่างที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ก็คือการเพิ่มขนาดล้อ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่นิยมทำกันนั่นเอง      โดย สมมุติว่า จาก ล้อ 15 นิ้ว เป็น 16 นิ้ว จากยางขนาด 195/55R15 แล้วเปลี่ยนป็น ล้อ 16 นิ้ว และใช้ยางขนาด 205/45R16 ก็ จะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนอย่างชัดเจน โดยสิ่งที่ตามมาก็จะมีคร่าวๆดังนี้ครับ
  1. ความเร็วของรถยนต์อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง
  2. มีเสียงดังเข้าห้องโดยสารจากการสัมผัสของยางกับพื้นถนนเพิ่มมากขึ้น
  3. ในการหักเลี้ยวของพวงมาลัยอาจจะมีการเสียดสีกับซุ้มล้อและตัวถังในกรณีที่เลือกล้อมาไม่พอดี
  4. หากมีการยุบตัวในแนวดิ่งบวกกับช่วงล่างเดิมๆโอกาศโดนซุ้มล้อมีมากขึ้นตามลำดับ ยิ่งถ้าใครใส่ล้อกว้างมากๆละก็ข้อนี้ต้องระวังและรีบแก้ไขช่วงล่างโดยด่วนครับ
  5. ในรถยนต์ที่มีระบบ GPS หรือระบบนำทางต่างๆควรจะนำไปตั้งค่าใหม่
  6. ช่วงล่างจะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้รองรับกับขนาดล้อยางที่เปลี่ยนไป เพื่อเรียกสมรรถนะของล้อและยางที่เราได้ทำการเปลี่ยนมาให้ได้มากที่สุด
  7. หากมีการเปลี่ยนน๊อตล้อที่เป็นบล็อคกันขโมยก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรักษาเจ้าบล็อคน็อตล้อกันขโมยนี้ให้ดีเพราะถ้าหายขึ้นมาละก็เรื่องใหญ่แน่ๆครับ


          เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ บางท่านอาจจะมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่อย่างไรก็ตามกันไว้ดีกว่าแก้ครับ เมื่ออยากจะเปลี่ยนล้อให้สวยขึ้นแล้วก็ควรเซ็ทระบบช่วงล่างใหม่ให้ดีตามล้อที่เพื่อนๆได้เปลี่ยนมาด้วยครับ

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


คลัทช์รถยนต์...กับวิธีการดูแลรักษา ที่คนใช้รถเกียร์ธรรมดาควรรู้


           หลังจากที่เคยนำเสนอความรู้ในเรื่องคลัทช์ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันไปแล้ว ในวันนี้ก็มีอีกหนึ่งสาระดีๆ เกี่ยวกับคลัทช์ ที่ว่ากันด้วยเรื่องการบำรุงรักษา และวิเคราะห์เบื้องต้นว่า คลัทช์ที่เพื่อนๆ ใช้กันอยู่นั้น มีอาการชำรุดเสียหายหรือจะต้องได้รับการบำรุงรักษาแล้วหรือยัง โดยรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปชมพร้อมๆ กันเลยครับ
 

          อย่าลืมครับว่า ถึงเครื่องจะฟิตหรือจะดีขนาดไหน ถ้าคลัทช์เกิดพังขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์เพราะฉะนั้น อย่าลืมหมั่นสังเกตอาการและบำรุงรักษาคลัทช์ของเพื่อนๆ ให้สมบูรณ์พร้อมใช้งานอยู่เสมอด้วยนะครับ โดยปัญหาของคลัทช์ที่เกิดขึ้นก็จะมีอยู่ 5 ปัญหาใหญ่ๆ นั่นก็คือ
  • คลัทช์รั่ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักเกิดจากแม่ปั้มคลัทช์บน หรือล่าง ลูกยางรั่วซึม หรือสายอ่อนคลัทช์แตก ทำให้ไม่มีแรงดันน้ำมันไปกดชุดคลัทช์ ถ้าสังเกตเห็นอาการซึมๆ ของน้ำมันคลัทช์ตามกระบอกคลัทช์บนหรือล่างเมื่อไหร่ สายอ่อนคลัทช์เกิดอาการร้าว หรือน้ำมันคลัทช์เริ่มลดลง อย่าเติมน้ำมันคลัทช์เพิ่ม แต่ให้เช็คดูหารอยรั่ว และรีบแก้ไขให้เร็วที่สุดนะครับ
  • คลัทช์ลื่น มักเกิดจาการขับขี่ที่รุนแรง หรือเครื่องยนต์รับภาระหนัก ซึ่งการขับขี่รุนแรง หรือขึ้นเขา และการตั้งคลัทช์ไม่เหมาะสมจนคลัทช์เกิดอาการยัน ก็จะทำให้เกิดอาการลื่น ซึ่งผ้าครัชที่ลื่นก็จะเกิดอาการไหม้ขึ้นมาได้จนทำให้ผ้าคลัทช์อาจด้าน หวีและฟลายวิลเกิดรอยไหม้ คราวนี้ล่ะครับ คลัทช์จะเกิดอาการลื่นตลอด ซึ่งวิธีการแก้ไขก็คือ เปลี่ยนผ้าครัชและหวีครัชใหม่, เจียรฟลายวิล หรือหาชุดครัชแต่งให้เหมาะสมกับกำลังเครื่องยนต์ ซึ่งทางที่ดี ก็ควรรื้อออกมาดูว่าอะไรเสียหายบ้าง แล้วค่อยหาวิธีแก้ไขอีกทีครับ
  • คลัทช์สั่น มักเกิดจากความไม่เรียบสม่ำเสมอของผ้าคลัทช์ หวีคลัทช์ และฟลายวิล หรือผ้าคลัทช์แต่งแบบเป็นก้อนๆ จะทำให้การออกตัวของรถสั่นๆ กระตุก ต้องทำการเปลี่ยนผ้าครัช เจียรหน้าฟลายวิลใหม่ เปลี่ยนหวีคลัทช์ หรือเอาหวีคลัทช์ไปเจียรใหม่ ซึ่งก็ต้องรื้ออกมาดู และแก้ไขตามอาการที่เกิดขึ้นครับ
  • คลัทช์แตก มักเกิดจากการขับขี่ที่รุนแรง โครงผ้าคลัทช์ไม่ดี ไม่เหมาะกับกำลังเครื่องยนต์ สปริงจานคลัทช์เสียเกิดอาการหดตัว จนเฟืองกลางผ้าครัชให้ตัวมากเกินไป ผ้าคลัทช์ที่ย้ำด้วยหมุดแตกออก หรือคลัทช์แตกนั่นเอง จะทำให้รถเข้าเกียรไม่ได้ ต้องทำการเปลี่ยนผ้าครัทช์ใหม่ให้เหมาะกับการใช้งาน และกำลังของเครื่องยนต์นั่นเองครับ
  • น้ำมันคลัทช์ เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องดูแลเปลี่ยนถ่ายบ้าง เพราะการใช้งานที่ยาวนานจะทำให้น้ำมันสกปรก มีน้ำผสมอยู่ เศษลูกยางปั้มคลัทช์ปะปนอยู่ จะทำให้การสึกหรอในปั้มคลัทช์เร็วขึ้น ลูกยางปั้มคลัทช์เสื่อมเร็ว ซึ่งก็ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายดูแลรักษาบ้างนานๆ ครั้ง ซึ่งการเลือกใช้ ต้องเลือกน้ำมันคลัทช์ให้ถูกต้องตามข้อกำหนดในการผลิตลูกยางในปั้มครัทช์ เช่น ปั้มครัชกำหนดว่าต้องใส่น้ำมัน DOT 3 แต่ดันเอาน้ำมัน DOT 4 – 5 มาใส่ ก็จะทำให้ลูกยางจะบวมและชำรุดเร็วขึ้นนั่นเองครับ


          เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับสาระดีๆ ในการดูแลรักษาคลัทช์ของรถยนต์ที่เรารัก อย่าลืมนะครับ หมั่นตรวจเช็คและสังเกตอยู่เสมอเพราะว่าไม่ว่าเครื่องยนต์ เพลาขับ หรืออะไหล่ ต่างๆ ของรถจะดีขนาดไหน ถ้าคลัทช์เกิดเป็นอะไรขึ้นมา ก็อาจจะต้องนั่งรอรถสไลด์ก็เป็นได้ครับ และในครั้งหน้า  จะมีสาระดีๆ อะไรมาฝากกันอีกนั้น ต้องติดตามกันนะครับ สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปก่อน ขอบคุณและสวัสดีครับ


ที่มา : car.boxzaracing.com
เรียบเรียง : kcycar.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook