สอบใบขับขี่ใหม่ ! เพิ่มเวลาอบรมจาก 4 ชม. เป็น 15 ชม. ตอบผิดแค่1ข้อ = สอบตก!

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สอบใบขับขี่ใหม่

สอบใบขับขี่ใหม่ ! เพิ่มเวลาอบรมจาก 4 ชม. เป็น 15 ชม. ตอบผิดแค่1ข้อ = สอบตก!

ด้วยจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นบ่อครั้งจนมีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงพฤติกรรมกรฝ่าฝืนกฏจราจรที่พบเห็นเป็นจำนวนมากของผู้ใช้รถใช้ถนน กระทรวงคมนาคมจึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ควรยกระดับมาตรฐานการขับขี่บนท้องถนนให้มากขึ้นด้วยการ เพิ่มความเข้มงวดเรื่องการออกใบอนุญาตขับขี่รถทุกชนิด โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เสนอแนะให้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มีการปรับเกณฑ์คะแนนการวัดผลการสอบ ใบขับขี่ จาก 90% ในปัจจุบันเป็น 100% หมายความว่าในอนาคตผู้สอบจะต้องทำข้อสอบทฤษฏีจากทั้งหมด 50 ให้ถูกต้องทุกข้อ ผิดแม้แต่เพียงข้อเดียวคือถูกปรับตก และเพิ่มเวลาอบรมจาก 4 ชั่วโมง เป็น 15 ชั่วโมง
เรื่องนี้หหลายคนที่กำลังจะสอบใบขับขี่อาจบอกว่าทาง กรมการขนส่งทางบก (ขบ.)เข้มงวดเกินกว่าเหตุ แต่เมื่อถึงเวลาที่มีการปรับเกณฑ์การให้คะแนนจริง ทางเจ้าหน้าที่ขนส่งจะมีการนำตัวอย่างข้อสอบ จำนวน 1,000 ข้อ มาโพสต์ลงเว็บไซต์ของทาง กรมการขนส่งทางบก เพื่อให้ผู้เข้าสอบได้ศึกษาก่อนเข้าสอบจริง นอกจากนี้ยังออกกฏให้โรงเรียนสอนขับรถทุกแห่งออกใบประกาศนียบัตรอบรมสอนขับขี่รถยนต์แก่ผู้ที่สำเร็จการฝึกหัดเพื่อนำมาใช้ยื่นขอสอบใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งหากผู้ขอสอบไม่มีใบประกาศนียบัตรจะไม่สามารถร้องขอการสอบได้
ทั้งนี้การปรับคะแนนเกณฑ์การสอบขอใบอนุญาตขับขี่ยังเป็นเพียงข้อเสนอจากกระทรวงคมนาคมเท่านั้น แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายในสามเดือนนี้

ที่มา http://www.share-si.com/2016/09/4-15-1.html

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


Revo ซ้ำรอย..! Vigo สื่อนอกปล่อยคลิปทดสอบหักเลี้ยวกระทันหันของรถกระบะ 7 ค่าย ปรากฏผล “Hilux Fail” [มีคลิป]

toyota-hilux-fail-vigo-revo

เว็บไซต์ต่างประเทศ teknikensvarld.se เผยคลิปวิดีโอทดสอบรถกระบะทั้งหมด 7 ค่าย เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับเหตุการณ์เมื่อ 9 ปีที่แล้ว โดย Toyota Hilux Revo เสียการควบคุมล้อยกรถตะแคงข้างเช่นเดียวกับ Toyota Hilux Vigo

จากคลิป มีกระบะที่นำมาทดสอบทั้งหมด 7 ค่าย ประกอบไปด้วย Dodge RAM, Nissan NP300 Navara, VW Amarok , Ford Ranger, Isuzu D-Max, Mitsubishi Triton และ Toyota Hilux
การทดสอบในครั้งนี้ทางเว็บไซต์ teknikensvarld.se ต้องการเปรียบเทียบถึงระบบการควบคุมของรถกระบะจากค่ายต่างๆ เมื่อเทียบกับเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เมื่อรถยนต์เจเนอร์เรชั่นใหม่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้น ผลปรากฏว่า กระบะ Toyota Hilux ที่ขับโดย Oskar Kruger, Ruben Börjesson ทำความเร็วได้ 57 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อหักเลี้ยวอย่างกระทันหัน ตัวรถเสียอาการ ด้านท้ายปัดไถล ล้อด้านขวายกลอยเหนือพื้นถนน จนไม่สามารถควบคุมให้การวิ่งอยู่ในช่องทางที่กำหนดเอาไว้ได้ เท่ากับว่าเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับ Hilux รุ่นที่แล้ว
ในส่วนของกระบะจากค่ายอื่นๆอีก 6 ค่าย สามารถผ่านการทดสอบได้ด้วยความเร็ว 64-68 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในรูปแบบการทดสอบลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้การทดสอบที่เกิดขึ้น เป็นการทดสอบจากต่างประเทศ ใช้รถยนต์ที่ว่างจำหน่ายในต่างประเทศ ในการทดสอบ
Credit: teknikensvarld.se และ Drive.com.au
ข้อมูล : MassAutoCar

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook



Mercedes-Benz X-Class รถกระบะพรีเมี่ยมรุ่นใหม่ ที่มอบความหรูหรา โดดเด่น และขับลุยได้สนุกยิ่งขึ้น


 All-New Mercedes-Benz X-Class Pickup Concept
          Mercedes-Benz เผยโฉม All-New Mercedes-Benz X-Class Pickup Concept รถกระบะพรีเมี่ยม ที่ยกระดับวิสัยทัศน์การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ของยนตกรรมหรูให้มีความหลากหลาย แปลกใหม่ พร้อมกับบรรจุเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่ให้มากกว่าในกลุ่มรถกระบะยุคปัจจุบัน

Mercedes-Benz X-Class Pickup Concept "Stylish Explorer"

          แม้ว่า Mercedes-Benz X-Class Pickup Concept จะพัฒนาบนพื้นฐานจาก Nissan NP300 Navara รุ่นใหม่ แต่ทางค่ายได้มอบทั้งการดีไซน์รูปลักษณ์และบรรจุเทคโนโลยีจากค่าย Mercedes-Benz ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ความเป็นยนตกรรมระดับพรีเมี่ยมที่ยากจะเลียนแบบ โดยได้เผยว่ารถกระบะต้นแบบรุ่นนี้ มาพร้อมกับบุคลิก Hot & Cool ที่มอบทั้งความร้อนแรงในการขับขี่ รับกับความเข้มข้น สง่างาม ซึ่งในเวลานี้ ทางค่ายได้เผยโฉมรถต้นแบบทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ Stylish Explorer ที่แสดงถึงความหรูหรา โดดเด่น สำหรับการเดินทางภายในเมือง กับ Powerful Adventurer รถกระบะสไตล์ Off-Road สุดดุดัน

ไฟท้าย LED ที่ล้อมรอบฝากระบะท้าย ที่ดูแปลกตาไม่น้อย

          เริ่มจาก Mercedes-Benz X-Class Pickup Concept "Stylish Explorer" ที่มาพร้อมกับการดีไซน์ตัวรถด้วยแนวคิด "Sensual Purity" อันเป็นมาตรฐานการออกแบบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ยุคปัจจุบัน ที่มอบความสปอร์ต ดุดัน และดูสง่างาม, ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ พร้อม LED Daylight, ช่องดักลมขนาดใหญ่ตรงบริเวณกระจังหน้า และกันชนหน้า, ไฟตัดหมอก LED แนวนอนตรงกันชนหน้า, สเกิร์ตข้างพร้อมครีบรีดอากาศ, ไฟท้าย LED ที่ล้อมรอบฝากระบะท้าย, ท่อไอเสียคู่ และล้ออัลลอยพรีเมี่ยม 22 นิ้ว 

ภายในห้องโดยสาร และการดีไซน์ของแผงคอนโซลที่เน้นความหรูหราขับสนุก

           ส่วนภายในนั้นก็ได้รับการดีไซน์ให้มีความหรูหราเฉพาะตัว ซึ่งในรุ่นนี้มาพร้อมกับภายในสีขาวและวัสดุสีน้ำตาลเข้ม ทั้งหนังมัน, หนังกลับ, ผ้ากำมะหยี่ และลายไม้, ช่องแอร์ทรงกลม, จออินโฟเทนเมนต์ที่ลอยตัวอย่างโดดเด่น, พวงมาลัยท้ายตัดพร้อมหุ้มหนัง ส่วนมาตรวัดยังคงเป็นแบบหน้าปัดพร้อมจอ MID ต่างจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเป็นมาตรวัดดิจิตัลตามสมัยนิยม

Mercedes-Benz X-Class Pickup Concept "Powerful Adventurer"

          Mercedes-Benz X-Class Pickup Concept "Powerful Adventurer" จะเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก Stylish Explorer ให้กลายเป็นรถกระบะ Off-Road ทั้งการติดตั้งกระจังหน้าแบบ 2 แถบ, กันชนท้ายพร้อมกับเสริมวินซ์ไฟฟ้าที่กันชนหน้ากับกันชนท้าย, ขอบชายล่างที่มาพร้อมกับบันไดข้าง, ราวกระบะท้าย, ฝากระบะท้ายแบบตารางโปร่งพร้อมขอบไฟท้าย และได้ปรับปรุงช่วงล่างใหม่ให้ยกสูงร่วมกับการขยายซุ้มล้อเพื่อรองรับยางแบบ Off-Road

ฝากระบะท้ายแบบตะแกรงโปร่ง พร้อมขอบชายล่างที่มีบันไดข้างในตัว

          ส่วนภายในก็ได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความสปอร์ตสายลุย ตกแต่งด้วยหนังสีดำ, ผ้าลายพิเศษ, แถบสีเหลืองและวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมกับพวงมาลัยมัติฟังก์ชั่น 3 ก้าน และติดตั้งอุปกรณ์สำหรับใช้เดินทางต่างๆ 

การดีไซน์ภายในที่มอบความสปอร์ตแบบลุย

         สำหรับข้อมูลทางเทคนิคนั้นไม่ได้เผยรายละเอียดมากนัก โดยขุมพลังเผยเพียงแค่ว่าจะมีเครื่องยนต์ดีเซล V6, พร้อมกับระบบขับเคลื่อน AWD 4MATIC ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากรถ SUV ในเครือ เพื่อรองรับการเดินทางแบบสมบุกสมบันได้ดียิ่งขึ้น

รวมภาพดีไซน์ของ Mercedes-Benz X-Class Pickup Concept

          Mercedes-Benz X-Class จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงปี 2017 ประเดิมตลาดที่ยุโรป, แอฟริกาใต้, ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย พร้อมกับขยายตลาดในภูมิภาคอเมริกาใต้ในช่วงปี 2018 เป็นต้นไป

เรียบเรียง : Kcycar.com
ที่มา : car.boxzaracing.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


อย่างหรู... "รถไฟไทย" ใหม่แกะกล่อง ประเดิมเส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ 11 พ.ย. 2559 นี้

อย่างหรู... "รถไฟไทย" ใหม่แกะกล่อง ประเดิมเส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ 11 พ.ย. 2559 นี้

ลืมไปเลยว่าเคยเก่า กับรถไฟขบวนใหม่ล่าสุดที่มีมูลค่านับสิบล้านบาท...ที่ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยและพร้อมให้บริการในประเทศไทยแล้ว โดยจะเปิดให้บริการเดินรถโดยสารรุ่นใหม่ใน 4 เส้นทาง คือ เส้นทาง “อุตราวิถี” กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ และเส้นทาง “อีสานวัตนา” กรุงเทพ-อุบลราชธานี-กรุงเทพ เริ่มวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 ขณะที่เส้นทาง “อีสานมรรคา” กรุงเทพ-หนองคาย-กรุงเทพ และเส้นทาง “ทักษิณารัถย์” กรุงเทพ-หาดใหญ่-กรุงเทพ เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2559 โดยเริ่มให้จองตั๋วโดยสารแล้ว ตั้งแต่บัดนี้ 
ด้านในของตู้โดยสารถูกตกแต่งไว้อย่างเรียบหรู และใช้โทนสีสบายตา 
ความพิเศษที่ทุกคนจะได้รับบนขบวนรถนี้ คือ
- ให้บริการรถนอนชั้น 1 และ ชั้น 2
- ใช้ห้องน้ำแบบระบบสุญญากาศเหมือนบนเครื่องบิน 
-  ไร้เสียงรบกวน และมีระบบกันสะเทือนแบบรถไฟความเร็วสูง
- มี Wifi ฟรี เฉพาะชั้น 1 และ บกขป 
- มีระบบทีวีแจ้งเตือนสำหรับชั้น 2
- มีปลั๊กไฟ บริการทุกที่นอน
- สิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับ ชั้น 1 ได้แก่ ห้องอาบน้ำ, จอทีวี ทุกที่นั่ง ผู้ใช้บริการสามารถสั่งอาหารจากทีวีมาทานในห้องได้
- มีรถเสบียงปรับอากาศบริการ (ค่าอาหารไม่รวมในค่าโดยสาร)
- มีกล้องวงจรปิด 4 ตัว / ตู้
- มีรถสำหรับผู้พิการ
- ใช้ข้อต่อแบบใหม่สามารถเดินทะลุได้ทั้งขบวน ประตูแบบสัมผัสเพื่อเปิดระหว่างตู้ ข้อต่อสนิทแบบรถไฟฟ้า BTS 
ทั้งนี้ การให้บริการรถโดยสารรุ่นใหม่ใน 4 เส้นทาง จะนำมาให้บริการเดินรถทดแทนรถโดยสารปัจจุบัน ตามตารางเวลาเดินรถเดิม 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย-กรุงเทพ และเส้นทางกรุงเทพ-หาดใหญ่-กรุงเทพ ยกเว้นเส้นทางกรุงเทพ-อุบลราชธานี-กรุงเทพ ที่จะเปิดให้บริการทั้งขบวนรถโดยสารใหม่และขบวนรถปัจจุบันควบคู่กัน แต่จะให้ขบวนรถใหม่เดินรถทดแทนเวลาเดิมของรถปัจจุบัน ขณะที่ขบวนรถปัจจุบันจะมีการขยับเวลาการให้บริการที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับรายละเอียดตารางเวลาเดินรถประจำวันของรถโดยสารรุนใหม่ ประกอบด้วย 
ขบวน 9 รถด่วนพิเศษอุตราวิถีเส้นทางกรุงเทพ–เชียงใหม่ ออกเวลา 18.10 น.ถึงเวลา 07.15 น. 
ขบวน 10 รถด่วนพิเศษอุตราวิถีเส้นทางเส้นทางเชียงใหม่-กรุงเทพ ออกเวลา 18.00 น.ถึงเวลา 06.50 น. 
ขบวน 23 รถด่วนพิเศษอีสานวัตนาเส้นทางกรุงเทพ–อุบลราชธานี ออกเวลา 20.30 น.ถึงเวลา 06.35 น. 
ขบวน 24 รถด่วนพิเศษอีสานวัตนาเส้นทางอุบลราชธานี-กรุงเทพ ออกเวลา 19.00 น.ถึงเวลา 05.16 น. 
ขบวน 25 รถด่วนพิเศษอีสานมรรคาเส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย ออกเวลา 20.00 น.ถึงเวลา 06.45 น.
ขบวน 26 รถด่วนพิเศษอีสานมรรคาเส้นทางหนองคาย-กรุงเทพ ออกเวลา 19.10 น.ถึงเวลา 06.00 น. 
ขบวน 31 รถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์เส้นทางกรุงเทพ-หาดใหญ่ ออกเวลา 14.45 น.ถึงเวลา 06.35 น. 
ขบวน 32 รถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์เส้นทางหาดใหญ่-กรุงเทพ ออกเวลา 18.45 น.ถึงเวลา 10.30 น.
อัตราค่าโดยสารรถโดยสารรุ่นใหม่ทั้ง 4 เส้นทาง ประกอบด้วย 
เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ 
รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2
- เตียงบน 791 บาท
- เตียงล่าง 881 บาท 
รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 1
- เตียงบน 1,253 บาท
- เตียงล่าง 1,453 บาท 
เส้นทางกรุงเทพ-อุบลราชธานี-กรุงเทพ
รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2
- เตียงบน 731 บาท
- เตียงล่าง 821 บาท 
รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 1
- เตียงบน 1,120 บาท
- เตียงล่าง 1,320 บาท 
เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย-กรุงเทพ
รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2
- เตียงบน 748 บาท
- เตียงล่าง 838 บาท 
รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 1
- เตียงบน 1,157 บาท
- เตียงล่าง 1,357 บาท 
เส้นทางกรุงเทพ-หาดใหญ่-กรุงเทพ
รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2
- เตียงบน 855 บาท
- เตียงล่าง 945 บาท 
รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 1
- เตียงบน 1,394 บาท
- เตียงล่าง 1,594 บาท
สุดท้ายนี้...มีรถไฟดีๆ ให้ใช้กันแล้ว ก็อย่าลืมดูแลช่วยกันรักษาให้ใหม่อยู่เสมอนะจ๊ะ คนรุ่นหลังๆที่มาใช้บริการจะได้มีความสุขโดยทั่วกัน
ขอขอบคุณ สถานีรถไฟพิษณุโลก,ทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย
เรียบเรียง : Kcycar.com
ที่มา : travel.sanook.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี มีอรรถประโยชน์

  ตื่นเต้น ตั้งรับ เตรียมตัวกันตั้งแต่ “เซียนต้า โฉมใหม่” (All New Sienta) เปิดตัวที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้วครับ นั่นเพราะโตโยต้าประกาศชัดว่า นี่เป็นการขึ้นไลน์ผลิตเอ็มพีวีรุ่นนี้นอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เพื่อรองรับตลาดอินโดนีเซียและส่งออกในอาเซียน
       
       ….แน่นอนว่าไทยย่อมเป็นหนึ่งในนั้น จากความเชื่อมโยงสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่โตโยต้ากำหนดให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ และฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาคนี้ 
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        โดยโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ฤกษ์เปิดตัว “เซียนต้า โฉมใหม่” เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา แบ่งขายสองรุ่นย่อยคือ 1.5V ราคา 8.65 แสนบาท และ 1.5G ราคา 7.5 แสนบาท ตั้งเป้าขายถึงสิ้นปี 1,700 คัน (เริ่มส่งมอบให้ลูกค้าได้ตั้งแต่เดือนกันยายน) แต่เมื่อเช็คยอดจองล่าสุดเกือบทะลุเป้า เพราะมีเข้ามากว่า 1,500 คัน ดังนั้นโตโยต้า ประเทศไทย คงต้องเริ่มเจรจาเพิ่มโควต้ากับโรงงานผลิตรถยนต์ที่คาราวัง เกาะชวาตะวันตกแล้วละครับ เพราะผมเชื่อว่าหลังจากผู้คนเห็นรถวิ่งบนท้องถนนมากขึ้น พร้อมการสื่อสารการตลาดในรูปแบบต่างๆที่เริ่มทยอยออกมา บวกกับบรรยากาศการซื้อขายช่วงปลายปี น่าจะมียอดจองเข้ามาอีกพอสมควร
       
       …แล้วเซียนต้ามีจุดเด่นอะไรที่ต้องชื่นชมบ้าง?
       
       ที่ได้แน่ๆคือความอเนกประสงค์จากประตูสไลด์สองฝั่ง ช่วยให้การขึ้น-ลงสะดวก ขณะที่ระยะต่ำสุดจากพื้น 170 มม. สูงกว่าเก๋งเล็กทั่วไป แต่ไม่ถึงกับสูงโย่งจนต้องก้าวขึ้นยาวๆเหมือนเอสยูวีรุ่นอื่นๆ
       
       ส่วนการวางเบาะสามแถว 7 ที่นั่ง ตัวเบาะแถวสองถูกออกแบบให้รองรับ 3 ที่นั่งเรียงกัน เข้าไปนั่งจริงๆไม่อึดอัด สัมผัสเบาะนุ่มกำลังดี ระยะห่างช่วงขาและช่วงหัวเหลือๆ
       
       ขณะที่เบาะแถวสาม ขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้สาวๆตัวเล็กและเด็กน้อย หรือถ้าไม่ต้องการใช้สามารถพับเบาะและกดลงไปใต้เบาะนั่งแถวสองได้อย่างเรียบร้อย ถือเป็นการออกแบบที่ยอดเยี่ยมของวิศวกรโตโยต้า ขณะเดียวกันหากพับเบาะนั่งแถวสองร่วมด้วย(ดันขึ้นไปพิงกับเบาะนั่งคู่หน้า)จะเพิ่มพื้นที่ได้อีกโข พร้อมวางตั้งจักรยานเสือภูเขาไซส์ใหญ่ได้ เรียกว่าเหมาะกับการแบกอุปกรณ์ ขนสัมภาระตามไลฟ์สไตล์แต่ละคน รวมถึงพ่อค้าแม่ขายอาจจะนำไปใช้ในธุรกิจก็ได้ 
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        ด้านหลังฝังแผงแอร์แยกส่วนมาให้ ตัวท็อปมีจอทีวี LED ขนาด 8 นิ้วเพื่อความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ด้านระบบความปลอดภัยจัดให้เป็นมาตรฐานครบทุกรุ่น ไล่ตั้งแต่ ถุงลมด้านหน้า 3 ตำแหน่ง (คู่หน้าและหัวเข่าคนขับ) ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบเบรก ABS ระบบเสริมแรงเบรก BA และระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HAC
       
       นอกจากนี้ ยังมีระบบใหม่ที่โตโยต้าใส่มาให้เป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์ขนาดเล็กราคาไม่ถึงล้านบาทคือ ระบบป้องกันการออกตัวแบบผิดวิธี (Drive Start Control) เช่น เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง R แล้วเหยียบคันเร่งมากเกินไป(อาจเป็นกรณีออกตัวแล้วเข้าเกียร์ผิด) เมื่อระบบพิจารณาแล้วว่าไม่ปกติแน่ๆ จะมีไฟแจ้งเตือนและช่วยลดการทำงานของเครื่องยนต์ทันที(แต่ไม่ช่วยเบรก) ก็น่าจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุหรือบรรเทาความเสียหายได้ระดับหนึ่ง
       
       ผมไล่ของดีๆเด่นๆมาให้เห็น ทว่าเซียนต้ายังมีจุดที่ดูแล้วขัดหูขัดตาเช่นกัน อย่างการเลือกใช้ทริมสีเงินแปะเป็นทางยาวบนแผงแดชบอร์ดหน้า มีปัญหาเมื่อแสงแดดกระทบวัสดุจะสะท้อนมายังกระจกมองข้าง ดังนั้นเวลาขับรถตอนกลางวันจะกวนสายตาเล็กน้อย
       
       ขณะที่ช่องต่อ USB มีจำกัด กล่าวคือในรุ่นท็อปที่มีจอ DVD ขนาด 7 นิ้วแบบทัชสกรีน(ควบคุมเครื่องเสียงและระบบต่างๆ) มีช่องต่อ USB ตรงนี้ช่องเดียวเท่านั้น หรือถ้าคุณซื้อเซียนต้าตัวล่าง 1.5G ที่ไม่มีชุดเครื่องเล่นนี้ก็จะไม่มีช่องเสียบ USB เลย
       
       ...จริงๆช่องเสียบ USB ไม่มีหรือมีน้อย ไม่ได้เป็นปัญหากับผมมาก เพียงแต่พิจารณาจากการเป็นรถครอบครัวนั่งกันได้หลายคน และความอเนกประสงค์ด้านอื่นๆ เช่นมีช่องเก็บแก้ว-เก็บของเพียบ หรือกล่องเก็บของด้านหน้ายังเป็นแบบ Cool Box รักษาความเย็นได้ มันยังไม่สมบูรณ์แบบเมื่อเทียบกับการพยายามสื่อสารว่า เซียนต้าเป็นรถยนต์สมัยใหม่(แต่ให้อย่างอื่นมาได้ครบหมด) 
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        
        สำหรับออปชันที่รุ่น 1.5V มีมากกว่าและส่งให้ราคาแพงกว่า 1.5G อยู่ 1.15 แสนบาท 
       
ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Beam LED
ไฟหน้าและไฟท้าย LED แบบ Light Guiding
ประตูสไลด์ไฟฟ้าสองฝั่ง(ถ้ารุ่น 1.5G มีฝั่งเดียวคือด้านซ้าย)
เบาะหนังและวัสดุกึ่งสังเคราะห์
ระบบ Push Start,Smart Entry
เครื่องเล่น DVD จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
จอทีวีด้านหลังขนาด 8 นิ้ว 
กล้องมองหลัง
จอแสดงข้อมูลขับขี่ MID (Multi-information display) แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว
ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง/การแสดงผลบนพวงมาลัย
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ประกบยาง 195/50 R16 (รุ่น 1.5G ใช้ขนาด 15 นิ้ว ประกบยาง 185/60 R15) 

        กลับมาที่เรื่องสมรรถนะการขับขี่ โดยเซียนต้าเป็นมินิเอ็มพีวีที่ใช้พื้นฐานการพัฒนาเดียวกับเก๋งซับคอมแพกต์รุ่น“วีออส” เครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหน้า ต่างกับอแวนซาที่ขับเคลื่อนล้อหลัง(และวางตำแหน่งทางการตลาดต่ำกว่า)
       
       เครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่เหมือน “วีออส ไมเนอร์เชนจ์” รหัส 2N-FE 4 สูบ 1.5 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT 7 สปีด 
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        โดยตัวเลขแรงม้าและแรงบิดเท่ากับวีออส เช่นเดียวกับอัตราทดเกียร์ แต่เซียนต้าจะเซ็ทอัตราทดเฟืองท้ายไว้จัดกว่าคือ 5.698 (วีออส 4.761) ด้วยน้ำหนักตัวที่เซียนต้ามากกว่า 230 กิโลกรัม และความเป็นรถอเนกประสงค์เพื่อบรรทุกคนแบกของ โตโยต้าน่าจะหวังตีนต้นให้ดีขึ้นหน่อย (ตีนปลายความเร็ว 120 กม./ชม.ที่เกียร์สูงสุดรอบอยู่ 2,400) ซึ่งการขับขี่ผมว่าไม่อืดนะครับ ออกตัวสบายๆ อาจจะไม่พุ่งจี๊ดจ๊าดเหมือนวีออส และบางคนที่ร่วมทริปทดสอบมีติติงเล็กน้อย แต่สำหรับผมรับได้ครับ เพราะนี่มันเป็นรถเอ็มพีวี คิดว่าได้อย่างเสียอย่าง (ถ้าจูนเครื่องยนต์ให้แรงและการตอบสนองต่อคันเร่งไวกว่านี้โตโยต้าก็ทำได้ครับ แต่เดี๋ยวจะไปติดเรื่องการปล่อยไอเสียสูงโดนภาษีสรรพสามิตน้ำบานอีก และไม่ได้ทำรถให้รองรับ E85 ด้วย)
       
       สำหรับผมความแรงในจังหวะออกตัว อัตราเร่งแซงในย่านความเร็วกลางถือว่าพอใจกับรถยนต์ประเภทนี้และระดับนี้ จะมีก็บุคลิกวูบวาบของเกียร์ CVT ที่ต้องเรียนรู้การยก-เดินจังหวะคันเร่งให้เหมาะสม หรือคุ้นชินไปสักพักไม่น่าจะมีปัญหา แต่กระนั้นเมื่อกดคันเร่งเต็มๆ รอบเครื่องยนต์เกิน 4,000 รอบ รถยังมีเสียงเครื่องยนต์กรีดดังเข้ามาภายในห้องโดยสารมากไปนิด
       
       ส่วนช่วงล่างหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นคานทอร์ชันบีมพร้อมเหล็กกันโคลง ถือว่าเซ็ทมาสมดุลดี และลืมความโดดเด้งของ “อแวนซา”ไปได้เลย
       
       ระบบรองรับของเซียนต้า ดูพินอบพิเทากับถนนในแบบที่เอ็มพีวีชั้นดีควรจะเป็น ถึงจะไม่ไฮโซเกินจินตนาการ แต่การใช้ในชีวิตประจำวันไม่รำคาญตัวแน่นอน ส่วนการทรงตัวเมื่อขับความเร็วสูง ต้องยอมรับในรูปทรงของ
       ตัวถัง ที่อาจสัมผัสได้ถึงอาการต้านลมและโยกเอนในทางโค้งบ้าง แต่เชื่อเถอะครับว่าช่วงล่างและล้อทั้งสี่ยังกระจายความแน่นพร้อมกดถนนอยู่หมัด
       
       ในส่วนช่วงล่าง ทีมวิศวกรโตโยต้าบอกว่าไม่ได้ปรับให้ต่างจากสเปกของอินโดนีเซีย คือคนอิเหนาใช้อย่างไรเราก็นำเข้ามาแบบนั้น หากจะมีส่วนที่ต่างกันจริงๆคือ การตกแต่งภายนอก-ภายในเล็กๆน้อยๆครับ เช่น ชุดเครื่องเสียง เบาะหนัง กล้องมองหลัง ปลายท่อไอเสีย ที่คนไทยมาติดตั้งเพิ่มเติมหลังจากรถข้ามน้ำผ่านทะเลมาแล้ว
       
       ปิดท้ายด้วยอัตราบริโภคน้ำมัน โตโยต้าเคลมไว้ 16.1 กม./ลิตร (วีออสเคลมไว้ 17.2 กม./ลิตร) ส่วนการขับจริงวิ่งในเมืองผ่านรถติด เคลื่อนตัวได้ดีบนทางด่วนและแอบมีเร่งเร้า เข่นแรงในบางช่วง (นั่งสองคนและขนจักรยานสองคัน) สุดท้ายผมเห็นตัวเลขแสดงอยู่ประมาณ 12 กม./ลิตร 
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        
        รวบรัดตัดความ... มินิเอ็มพีวี ตอนนี้ไม่มีใครเป็นคู่แข่งกับ “เซียนต้า” ได้อย่างสูสี(ฮอนด้า ฟรีด ก็ไม่ได้นำเข้ามาแล้ว ส่วนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในญี่ปุ่น ยังไม่ชัดเจนว่าจะนำเข้ามาขายหรือไม่) ส่วนรุ่นพี่อย่าง “อแวนซา” นั้น เกิดแก่เจ็บตายมานาน ขับดีไม่เท่า ความอเนกประสงค์ไม่สู้(แม้ราคาถูกกว่า) ใครกำลังมองหารถครอบครัว หรือมีไลฟ์สไตล์ที่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะๆ แบกสัมภาระมากๆ รวมถึงพ่อค้ารุ่นใหม่ที่อยากได้รถขนของที่เน้นความจุกินพื้นที่แต่น้ำหนักน้อย “เซียนต้า”น่าจะตอบโจทย์ได้ดี....เมื่อความสะดวกสบาย หลายอรรถประโยชน์ มาพบกันในราคาที่น่าใช้ ซึ่งใครไม่เน้นเท่ หวังใช้งานจริง ระบบความปลอดภัยครบ ประตูสไลด์ไฟฟ้าข้างเดียวก็ช่าง เลือกตัวเริ่มต้น 1.5G ก็พอครับ 
       

       

ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
        
ลองขับ“โตโยต้า เซียนต้า โฉมใหม่” อินโดนีเซียนเมด เกรดงานดี  มีอรรถประโยชน์
       
ที่มา :  MGR Motoring

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook