รฟม. แจ้งเปลี่ยนแปลงการให้บริการรถไฟเชื่อมต่อระหว่างสถานีบางซ่อน – สถานีบางซื่อ – สถานีบางซ่อน



โดยงดให้บริการเดินรถไฟเชื่อมต่อในวันเสาร์ เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 24 ธ.ค. 2559 
 บริการรถไฟเชื่อมต่อ(ปรับอากาศ)จะยังคงมีให้บริการในทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ ช่วงเช้าเวลา 06.30 – 09.30 น. และช่วงเย็น 16.30 – 20.30 น.






ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


เส้นทางลัดรถไม่ติด!! ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560

รูปภาพ: https://goo.gl/BEHwg3

@Ar-pae.com - เส้นทางลัดรถไม่ติด!! กรมทางหลวง เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 คาดว่า จะมีประชาชนใช้บริการทางหลวงเป็นจำนวนมาก กรมทางหลวงจึงได้ทำการแนะนำเส้นทางเลือกในการเดินทางสู่จังหวัดทางภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยได้บูรณาการร่วมกับตำรวจทางหลวง และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยไปกับ กรมทางหลวง” เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยในการเดินทาง รวมทั้งเป็นข้อมูลให้กับประชาชนในการศึกษาเส้นทาง ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดและลดระยะเวลาในการเดินทางต่อไป

SOURCE >>> https://goo.gl/BEHwg3
-----------------------------------------------------------
บรรดาแฟนคลับ กูรูขั้นเทพ แอนด์เซียนทั้งหลาย อาแปะนิมนต์ให้ท่านไปเม้าท์กันต่อที่ ArPaeDotCom ณ. แหล่ง Follow ด้านล่างนี่ด้วยกั๊บ
Follow LINE Official ID : http://goo.gl/yfllON 
Follow Instagram : https://goo.gl/bhdfMi 
Follow Google+ : http://goo.gl/7cIRAu
Follow Twitter : http://goo.gl/v85N6Z
Follow Fanpage : http://goo.gl/vDYUzT Clips/Photo Credit by : http://www.springnews.co.th/
ขอบคุณเบาะแสข่าวโดยทีมข่าวอาแปะครับ
#อาแปะ #arpaedotcom #arpae #News #ข่าว #ด่วน #Sale #Promotion #โปรโมชั่น #แอร์เวย์ #Airways #แอร์ไลน์ #Airlines #Hotels #โรงแรม #เส้นทาง #ในประเทศ #ต่างประเทศ #ท่องเที่ยว #Travel #ตั๋วเครื่องบิน #AirTicket #เดินทาง #สายการบิน #สนามบิน #ราคา

เส้นทางลัดรถไม่ติด!! กรมทางหลวง เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 คาดว่า จะมีประชาชนใช้บริการทางหลวงเป็นจำนวนมาก กรมทางหลวงจึงได้ทำการแนะนำเส้นทางเลือกในการเดินทางสู่จังหวัดทางภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยได้บูรณาการร่วมกับตำรวจทางหลวง และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยไปกับ กรมทางหลวง” เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยในการเดินทาง รวมทั้งเป็นข้อมูลให้กับประชาชนในการศึกษาเส้นทาง ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดและลดระยะเวลาในการเดินทางต่อไป

SOURCE >>> https://goo.gl/BEHwg3


ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


1ม.ค.60เพิ่มเวลาอบรมมือใหม่ทำใบขับขี่เป็น5ชม.


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ขนส่ง ยกระดับมาตรฐานคุณภาพผู้ขับรถ ตามโครงการ Sure Driving/Smart Driver เพิ่มความเข้มข้นการออกใบอนุญาตขับรถ ปรับเพิ่มเนื้อหาอบรม สำหรับการขอรับใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราว จากเดิม 4 ชม. เป็น 5 ชม. เริ่ม 1 ม.ค.60 ...
วันที่ 22 ธ.ค.59 นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลและส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน จึงได้จัดทำโครงการยกระดับมาตรฐานคุณภาพผู้ขับรถ Sure Driving/Smart Driver เพื่อเพิ่มคุณภาพมาตรฐานของผู้ขับรถให้มีทักษะและความรู้การขับรถอย่างปลอดภัย ลดปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนและลดสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะปรับหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตขับรถให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยปรับเพิ่มเนื้อหาอบรม สำหรับการขอรับใบอนุญาตขับรถใหม่ (ชนิดชั่วคราว) จากเดิม 4 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมง โดยเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และการขับรถอย่างปลอดภัยให้มากขึ้น เริ่มใช้หลักสูตรใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังรวมถึงกรณีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราวแล้ว แต่ใบอนุญาตขับรถเดิมสิ้นอายุเกินกว่า 1 ปี ต้องเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรใหม่ โดยบุคลากรผู้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรของกรมการขนส่งทางบก โรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานภาครัฐ ที่ได้ลงนามบันทึกในการจัดอบรมภาคทฤษฎีกับกรมการขนส่งทางบก จำนวนกว่า 500 คน ซึ่งทั้งหมด ได้ผ่านการอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวทางการสอนตามหลักสูตร 5 ชั่วโมง สามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถได้อย่างครบถ้วน มีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
สำหรับหลักสูตรที่มีการปรับปรุง เนื้อหาประกอบด้วย (กฎหมายว่าด้วยรถยนต์, กฎหมายว่าด้วยทางหลวง และกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก) จำนวน 1 ชั่วโมง 30 นาที การขับรถอย่างปลอดภัยจำนวน 2 ชั่วโมง จิตสำนึกและมารยาทในการขับรถจำนวน 1 ชั่วโมง และข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและการให้ความช่วยเหลือและปฐมพยาบาล จำนวน 30 นาที การปรับเพิ่มจำนวนชั่วโมงอบรมเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ซึ่งเมื่อมีความรู้ความเข้าใจกฎการขับขี่ที่ถูกต้อง อุบัติเหตุบนท้องถนนก็จะลดลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก ยังได้เพิ่มทางเลือกให้ประชาชนที่อาจไม่สะดวกในการติดต่อเข้ารับการอบรมกับกรมการขนส่งทางบก ในวันและเวลาราชการ สามารถเลือกเข้ารับการอบรมกับโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก หรือหน่วยงานภาครัฐที่ทำความตกลงกับกรมการขนส่งทางบก ภายใต้หลักสูตรเดียวกัน และนำหนังสือรับรองผ่านการอบรมมายื่นแสดงเป็นหลักฐานขอเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ทดสอบข้อเขียน (E-exam) และทดสอบขับรถกับสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ
ขณะที่น.พ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน หรือ ศวปถ. มองว่า การเพิ่มระยะเวลาอบรมของไทย ยังไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลง หรือลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ถึงแม้ว่าจะขยายเวลาอบรมเป็น 15 ชั่วโมง ซึ่งยังถือว่า น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ที่อบรมถึง 30 ชั่วโมง ซึ่งควรมีเวลาให้ผู้ขับขี่ฝึกทักษะกับผู้เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัว เพื่อให้รับรู้โอกาสเสี่ยง รวมทั้งบังคับกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัดควบคู่กัน.

Toyota C-HR 2017 ใหม่จัดเต็ม! ทั้งภายนอก-ภายใน

Toyota C-HR 2017
         Toyota C-HR เป็นรถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐาน TNGA (Toyota New Global Architecture) ร่วมกันกับ Toyota Prius 2016 ซึ่งพัฒนาให้เป็นคู่แข่งตรงกับ Honda HR-V, Nissan Juke รวมถึงอีกหลายรุ่นในเซ็กเม้นท์นี้

Toyota C-HR 2017

    แม้ว่าคันที่เรานำมาฝากเป็นเวอร์ชั่นยุโรปที่ติดตั้งพวงมาลัยซ้าย แต่ดีไซน์ทั้งภายนอก-ภายในคาดว่าจะเหมือนกับที่จะเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราช่วงปี 2018 เพียงแต่มีอุปกรณ์มาตรฐานบางอย่างที่ต่างกันออกไป ซึ่งเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในฝรั่งเศสหากแบ่งตามระบบขับเคลื่อนจะมีให้เลือกถึง 3 แบบ ทั้งรุ่นเบนซินเทอร์โบ 1.2 ลิตร จำนวน 4 รุ่น รุ่นเบนซินเทอร์โบ 1.2 ลิตร ขับเคลื่อนสี่ล้อจำนวน 3 รุ่น และรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดอีกจำนวน 3 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีรุ่นย่อยแยกออกไปอีก ได้แก่ Active, Dynamic, Graphic และ Distinctive

Toyota C-HR 2017

          ภายนอกมาพร้อมไฟหน้าแบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED (อ็อพชั่นเสริมสำหรับรุ่นท็อปสุด Graphic และ Distinctive) พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว (รุ่นล่างสุดมีขนาด 17 นิ้ว) ติดตั้งระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, หลังคาสีดำ รวมถึงระบบ Smart Entry ทำงานคู่กับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, กระจกมองข้างปรับพับอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างรูปโลโก้ C-HR

Toyota C-HR 2017

   ห้องโดยสารภายในติดตั้งระบบอินโฟเทนเม้นท์ Toyota Touch 2 ขนาด 8 นิ้ว พร้อมช่องต่อ USB/AUX และบลูทูธ โดยในรุ่นท็อปสุดมาพร้อมลำโพง JBL จำนวน 9 จุดรอบคัน, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน รวมถึงระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ประกอบด้วย ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ, ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่, ระบบอ่านป้ายจราจรอัจฉริยะ เป็นต้น

Toyota C-HR 2017

Toyota C-HR 2017

       ด้านขุมพลังเวอร์ชั่นยุโรป ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.2T ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า (PS) ติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีดในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ และเกียร์อัตโนมัติ CVT ในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ขณะที่รุ่นไฮบริด 1.8 ลิตร ให้กำลังรวมทั้งระบบสูงสุด 122 แรงม้า มีให้เลือกเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ พร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

Toyota C-HR 2017
 

Toyota C-HR 2017

Toyota C-HR 2017

Toyota C-HR 2017

Toyota C-HR 2017
 
ภาพจาก Toyota UK
ข้อมูล  auto.sanook.com


ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


งดเว้นค่าทางด่วนของขวัญปีใหม่ 7 วัน เริ่ม 29 ธันวาคม – 4 มกราคม 2560


    นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 เป็นของขวัญปีใหม่
โดยกรมทางหลวง จะมีการยกเว้นเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือเส้นทางมอเตอร์เวย์ เริ่มตั้งแต่เวลา 24.00 น. วันที่ 29 ธ.ค. 2559 จนถึงเวลา 24.00 น. วันที่ 4 ม.ค. 2560 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา และลดการจราจรที่ติดขัดในช่วงที่มีการเดินทางจำนวนมากด้วย
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมเห็นชอบแผนปฏิบัติงานด้านคมนาคมขนส่งปี 2560 จำนวน 36 โครงการ วงเงินลงทุน 895,757.55 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณได้มากกว่า 140,000 ล้านบาท นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวจะสามารถหนุนให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในด้านของการก่อสร้างประมาณร้อยละ 1 ซึ่งไม่รวมกับการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์และการพัฒนาพื้นที่บริเวณรอบ 2 ข้างทาง ทั้งนี้ หากนำ 2 ส่วนรวมกันแล้ว คาดว่าจะส่งผลให้จีดีพีขยายตัวได้มากกว่า ร้อยละ 1

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


เทคนิคการขับรถลดอุบัติเหตุ (Defensive Driving Technique)



 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทคนิคการขับรถลดอุบัติเหตุ
            เกร็ดจากการอบรมเรื่อง เทคนิคการขับรถลดอุบัติเหตุ” บรรยายโดย คุณพีระพงษ์ กลั่นกรอง ผู้มีประสบการณ์ทั้งในการสอนและในสนามแข่งจาก Turning Point Consultant Co., Ltd.
1.      กฎความปลอดภัย
§       ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์
-          คาดเข็มขัดนิรภัยและปรับเบาะนั่ง
-          ปรับมุมกระจกส่องหลังทั้ง บาน
-          เลื่อนคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง (รถเกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์ว่างสำหรับรถเกียร์ธรรมดา
§       ขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ให้เหยียบคลัซ (รถเกียร์ธรรมดาหรือเบรค (รถเกียร์อัตโนมัติ)
§       อย่ายืนสตาร์ทเครื่องยนต์รถ
§       กรณีขับรถถอยหลัง ให้ขับช้าๆ เท่าที่จะทำได้
§       เหยียบเบรคทดสอบในระยะ 10 เมตรแรกที่เคลื่อนรถออก
§       ดึงเบรคมือทุกครั้งที่จอดรถ (รวมทั้งจอดรอสัญญาณไฟ)
§       หมุนพวงมาลัยให้ล้อชนขอบถนน เมื่อจอดรถบนทางลาดชัน
§       การเปลี่ยนยางรถให้หาวัสดุมารองหนุนล้อรถ เพื่อกันรถเคลื่อนขณะขึ้นแม่แรงยกรถ
§       อย่าจอดรถบนเชิงสะพาน ทางโค้ง หรือช่องขวาสุด เมื่อรถเสีย
2.      ท่านั่งขับรถ (จะบอกขีดความสามารถในการควบคุมรถ)
§       การปรับระยะห่างเบาะรองนั่ง สำหรับรถเกียร์ธรรมดา ให้เท้าเหยียบแป้นคลัชจนสุด ค้างไว้ โดยไม่เขย่ง แล้วเลื่อนเบาะเข้ามาให้เข่างอเล็กน้อย และรถเกียร์อัตโนมัติให้เหยียบคันเร่งจนสุด โดยไม่เขย่งแล้วเลื่อนเบาะเข้ามาเหมือนกับรถเกียร์ธรรมดา
§       ต้องนั่งหลังพิงพนักเบาะให้มั่นคง เวลาโดยชนจะลดแรงที่กระทำต่อกล้ามเนื้อหลัง
§       ปรับระดับคอพวงมาลัยให้เห็นมาตรวัดและไพเตือนบนหน้าปัดและวงพวงมาลัยต้องสูงพ้นหน้าตัก/หน้าขาของผู้ขับรถ
§       มือจับพวงมาลัยส่วนบนสุดและงอแขนเล็กน้อย จะช่วยให้มีระยะหมุนพวงมาลัยได้ดีกว่าการเหยียดแขนตรง
§       เวลาขับรถอย่านั่งหุบเข่า ให้เข่าซ้ายยันกับคอนโซลกลางรถ เพื่อให้เกิดความมั่นคงเวลาขับรถ
§       การหมุนพวงมาลัย ต้องให้น้ำหนักเท่ากันทั้งมือขวาและซ้าย จะทำให้หมุนพวงมาลัยไม่กระตุก
§       ในการเหยียบเบรคหรือคลัซ ให้ส้นเท้าลอยจากพื้นรถ (ถ้าส้นเท้าแตะพื้นรถ แรงจะลงที่พื้นรถมากกว่าไปที่คันเบรค เป็นสาเหตุให้เบรครถไม่หยุด โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุวิกฤติ)
3.      การวางแผนขับรถ (Driving planจะช่วยลดอุบัติเหตุลงได้ ผู้ขับขี่จะต้อง
§       มองรถที่อยู่ข้างหน้าไปอีก คัน ในการขับตามกันบนถนน (ที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูงถ้าคันหน้าแตะเบรค ผู้ขับขี่ก็จะมีเวลาประมาณ วินาทีในการตอบสนองได้ทัน
§       ขณะขับรถเข้าโค้ง ตาต้องมองไปที่ทางโค้ง ซึ่งตาจะประเมินความโค้งและมือจะมีความสัมพันธ์กับตาทำให้ควบคุมรถเข้าโค้งได้ดีขึ้น
§       การขับรถเข้าโค้ง ให้ชะลอความเร็ว หรือแตะเบรคก่อนเข้าโค้ง (Entranceแล้วถอนเบรค พร้อมกับเร่งคันเร่งเมื่อถึงกลางโค้ง (Apex) และคืนพวงมาลัยเมื่อสุดโค้ง (Exitดูภาพประกอบ
§       การเปลี่ยนเกียร์
-          เกียร์ธรรมดา เปลี่ยนที่ความเร็วรอบระหว่าง 3,000-4,000 รอบต่อนาที แต่เมื่อจะ  แซงให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำก่อน
-    เกียร์อัตโนมัติ ให้ใช้ Kick Down ในการแซง
4.      เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย (Driving Tip)
§       การหยุดรถ ควรหยุดห่างจากท้ายรถคันข้างหน้าในระยะที่สามารถมองเห็นล้อรถคันข้างหน้าได้
§       การเปลี่ยนช่องทาง การเลี้ยวหรือแซง ควรให้สัญญาณไฟกระพริบอย่างน้อย ครั้ง ก่อนหมุนพวงมาลัยและควรระมัดระวังรถจักรยานยนต์ที่อาจแซงขึ้นมา
§       การเว้นระยะห่างในขณะขับรถ ควรเว้นระยะห่างประมาณ 2-4 วินาที โดยสังเกตระยะทางประมาณหนึ่งช่วงเสาไฟฟ้า
§       การจอดรถ ควรถอยเข้าที่จอดรถ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกันขณะขับออกจากที่จอดและง่ายต่อการบังคับรถ

การแก้ปัญหาฉุกเฉิน

1.      กรณีหม้อน้ำรั่ว ให้หยุดรถแล้วดับเครื่องยนต์ จากนั้นสังเกตรอยรั่วของหม้อน้ำ ซึ่งจะมีน้ำพุ่งออกมา ต้องอยู่ห่างๆ และห้ามเปิดฝาหม้อน้ำโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้น้ำร้อนพุ่งออกมาลวกได้ ควรปล่อยให้หม้อน้ำเย็นลง
2.      กรณียางระเบิด จะมีเสียงดังจากการระเบิดของยาง พยายามรวบรวมสติไว้ อย่าหักพวงมาลัยทันทีทันใด ค่อยๆ ผ่อนความเร็วลง พวงมาลัยรถจะค่อยๆ หนักขึ้น รถจะเอียงไปทางด้านที่ล้อระเบิด บังคับรถให้วิ่งตรงทาง ค่อยๆ เหยียบเบรคที่ละน้อย นำรถเข้าชิดขอบทางด้านซ้ายแล้วเปลี่ยนยางอะไหล่
3.      เบรคแตก เมื่อเหยียบเบรคจะรู้สึกว่าจมหายลงไปไม่มีแรงต้าน ห้ามล้อไม่ได้ ให้บังคับพวงมาลัยให้รถวิ่งไปในทางที่ปลอดภัย พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายกดปุ่มล็อคคันเบรคมือไว้ แล้วค่อยๆ ดึงคันเบรคมือขึ้นและลงสลับกัน จนกระทั่งชะลอความเร็วและหยุดรถได้สนิท ข้อควรระวังก็คือ อย่าดึงเบรคมือขึ้นอย่างแรงในทันทีทันใด
4.      รถตกน้ำ อย่าตกใจจนไม่ได้สติ ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยออก (การคาดเข็มขัดนิรภัย ในขณะขับขี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด แม้ในกรณีนี้ อย่าเข้าใจผิดว่าเมื่อคาดแล้วจะทำให้ปลดล็อคไม่ทัน เพราะเมื่อรถกระแทกจะทำให้ตัวท่านไม่กระเด็น ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ และไม่หมดสติ ซึ่งอาจจะทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ปล่อยให้ตัวรถบริเวณติดตั้งเครื่องยนต์จมน้ำก่อน ถ้าสามารถเปิดหน้าต่างหรือประตูรถออกได้ในขณะที่ตัวรถยังไม่จมน้ำหมดทั้งคันให้รีบทำ
5.      กระจกหน้าแตก รวบรวมสติ พยายามจำข้างหน้ารถไว้ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อบังคับรถไม่ให้ชน เปิดไฟเลี้ยวซ้ายเข้าจอดไหล่ทางด้านซ้ายมือ ป้องกันรถคันอื่นชนและดึงเบรคมือไว้ หากมีผ้าเทปอยู่ในรถให้นำมาปิดประจกไว้ แล้วเคาะกระจกออก ถ้ามีแว่นตาให้ใส่ไว้เพื่อกันฝุ่นเข้าตา

โดย น..กิจจา  เรืองไทย

ที่ปรึกษาอาวุโส ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม


ขับอย่างมีสติ  ทุกชีวิตจะปลอดภัย




ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


ขนส่งเตือน! ติดสติกเกอร์ผีบนกระจกหลังมีความผิด



ภาพหลอน

ขนส่งเตือน ติดสติกเกอร์ผีบนกระจกหลัง มีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึง กรณีสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพสติ๊กเกอร์ ติดรถชวนสยองขวัญ โดยนำไปติดที่กระจกหลังหรือกันชน เมื่อกระทบแสงไฟจะเห็นเป็นภาพน่ากลัวคล้ายผีโผล่ขึ้นมาหลอกหลอนตอนขับรถนั้น อาจก่อให้เกิดความสับสนแก่ผู้ใช้ทางรายอื่นขณะขับรถทำให้เสียสมาธิ สร้างและบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ การตกแต่งในลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 12 ฐานเพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจของผู้ใช้รถใช้ถนนอื่น มีโทษเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 2,000 บาท ดังนั้น จึงไม่ควรติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งตามแฟชั่นที่ทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิ หรือตกใจ ขณะขับรถส่งผลต่อประสิทธิภาพในการควบคุมพวงมาลัยรถทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน หรือขั้นร้ายแรงได้ โดยเฉพาะการติดอุปกรณ์ส่วนควบขนาดใหญ่ที่บดบังทัศวิสัยในการขับขี่ หรือการตกแต่งอุปกรณ์ยื่นออกมานอกตัวรถและมีความเสี่ยงที่อุปกรณ์ตกแต่งดังกล่าวจะหลุดหล่นออกจากตัวรถในขณะขับขี่บนท้องถนน อาจสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่นและอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุได้ 
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยังเตือนผู้ที่นิยมการแก้ไขดัดแปลงตัวรถอื่นที่ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ เช่น การติดตั้งโครงหลังคาหรือโครงเหล็กด้านข้างรถ ฝาปิดด้านท้ายติดตั้งอุปกรณ์ทุ่นแรงยกสิ่งของ (Tail Lift) การเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือการเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง รวมถึงการแก้ไขดัดแปลงตัวถังรถ ระบบรองรับน้ำหนัก เสริมแหนบ ระบบกันสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยว หรือระบบขับเคลื่อน เจ้าของรถต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพพร้อมกับดำเนินการแจ้งแก้ไขลักษณะรถในเอกสารคู่มือจดทะเบียนรถ เพื่อขออนุญาตจากนายทะเบียนก่อนนำรถไปใช้งาน ทั้งนี้เพื่อการตรวจสอบความปลอดภัย หากพบการแก้ไขดัดแปลงโดยไม่มีหลักฐานการได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก เจ้าของรถจะมีความผิดตามกฎหมาย โดยกรณีเป็นรถยนต์จะผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 14 ฐานแก้ไขดัดแปลงสภาพรถ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนกรณีเป็นรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มีความผิดตามมาตรา 78 ฐานแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงสภาพเครื่องอุปกรณ์หรือส่วนควบของรถให้ผิดแผกแตกต่างในสาระสำคัญที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท จึงขอความร่วมมือเจ้าของรถปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยและไม่เกิดปัญหาในการใช้งานบนท้องถนนอีกต่อไป อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด
ขอบคุณภาพ ข้อมูล กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook

www.facebook.com/kcycar

กรมทางหลวงชนบท ปิดสะพานภูมิพล ซ่อมแซมรอยต่อสะพาน 21.00-06.00 น. วันที่ 3 - 4 ธ.ค.นี้

กรมทางหลวงชนบท ปิดสะพานภูมิพล ซ่อมแซมรอยต่อสะพาน 21.00-06.00 น. วันที่ 3 - 4 ธ.ค.นี้

กรมทางหลวงชนบท ปิดสะพานภูมิพล ซ่อมแซมรอยต่อสะพาน 21.00-06.00 น. วันที่ 3 - 4 ธ.ค.นี้
กรมทางหลวงชนบท จะดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมรอยต่อสะพาน (Expansion Joint) สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 บริเวณทางลงฝั่งถนนสุขสวัสดิ์ ตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของวันที่ 3 ธันวาคม ถึง เวลา 06.00 น. ของวันที่ 4 ธันวาคม 2559 จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนโปรดหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางการจราจรในวันและเวลาดังกล่าว และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้

เรียบเรียง : Kcycar.com
ที่มา : fm91bkk.com

กรมการขนส่งทางบก ชวน“ตรวจรถ “ฟรี” ขับขี่ปลอดภัย ถวายพ่อหลวง” ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 – 31 มกราคม 2560


นายสนิท  พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชน มอบของขวัญปีใหม่ 2560 ให้แก่ประชาชน ด้วยการรณรงค์ให้ประชาชนตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถเพื่อความปลอดภัยก่อนการเดินทาง พร้อมจัดกิจกรรม “ตรวจรถ “ฟรี” ขับขี่ปลอดภัย ถวายพ่อหลวง” ซึ่งในปีนี้ได้ขยายระยะเวลาดำเนินการรวม 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2558 – 31 มกราคม 2560 เพื่อมอบเป็นของขวัญให้แก่ประชาชน โดยประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาคเอกชนทั่วประเทศรวมกว่า 2,000 แห่ง อาทิ ศูนย์บริการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์/รถจักรยานยนต์ สถานตรวจสภาพรถเอกชน บริษัทตัวแทนจำหน่ายรถ บริษัทประกันภัย และศูนย์บริการติดตั้งแก๊ส LPG/NGV  โดยจะให้บริการตรวจความพร้อมของรถฟรีเบื้องต้นฟรี 20 รายการ พร้อมให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หลอดไฟ โดยไม่คิดค่าแรง จัดช่างผู้ตรวจหรือผู้ติดตั้งที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกคอยให้คำปรึกษาและดำเนินการตรวจสอบรถที่ติดตั้งแก๊ส LPG/NGV รวมทั้งลดราคาอะไหล่บางรายการ และมีการแจกของที่ระลึกให้ผู้เข้ารับบริการในบางแห่ง เพื่อให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมของรถก่อนการเดินทาง
 
ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 โดยการตรวจเช็กสภาพรถด้วยตนเองก่อนการเดินทางทุกครั้ง หรือนำรถเข้ารับบริการตรวจเช็กความพร้อมฟรี ณ จุดบริการที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถ “ฟรี” ขับขี่ปลอดภัย ถวายพ่อหลวง” ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 เป็นต้นไป

เรียบเรียง : kcycar.com
ข้อมูล  : www.fm91bkk.com

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook





ท่อสแตนเลสกับท่อเหล็ก ใส่แบบไหนดีกว่ากัน?


ท่อสแตนเลสกับท่อเหล็ก ใส่แบบไหนดีกว่ากัน?

ท่อสแตนเลสกับท่อเหล็ก ใส่แบบไหนดีกว่ากัน?

Silkspan

สนับสนุนเนื้อหา

     การตกยนต์ นอกจากจะทำให้บอดี้ดูสวยงาม ไม่เหมือนใครแล้ว การเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ เพิ่มแรงม้าให้มากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่นิยมทำเช่นกัน ซึ่งแต่ละคันจะทำแรงแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณ และความสุดของรถรุ่นนั้นๆ ที่นำมาทำนั่นเอง
     ซึ่งสเต็ปที่ทำกันส่วนมากยังไงก็ต้องมี การเปลี่ยนท่อ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มแรงม้าแล้ว เสียงที่ลั่นออกมาก็ต้องมีความไพเราะด้วยเช่นกัน ไม่งั้นมันไม่แมทช์ มันไม่เท่ตามสไตล์รถแต่ง แต่การเปลี่ยนท่อนี้ ยังแยกออกมาได้อีกหลายแบบ และส่วนใหญ่ก็จะมีแบบเปลี่ยนแค่ปลายท่ออย่างเดียว หรือทำชุดใหญ่เปลี่ยนใหม่หมดทั้งเส้น รวมไปถึงเฮดเดอร์ด้วย
     ส่วนวัสดุที่ใช้ก็มีหลายแบบให้เลือกเช่นเดียวกัน โดยนิยมใช้กันอยู่หลักๆ 2 แบบ และทั้ง 2 แบบนี้ มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร ทั้งในเรื่องของราคา และประสิทธิภาพการทำงาน ดังนี้
     1. ท่อสแตนเลส ราคาสูง แต่ให้ผลดีในเรื่องของไอเสียที่ไหลได้เร็ว เนื่องจากความไหลลื่นของพื้นผิวที่เรียบกว่าแบบเหล็กนั่นเอง แถมยังคลาย หรือระบายความร้อนออกมาได้ดีกว่า และยังมีความทนทานมากกว่าอีกด้วย
     2. ท่อเหล็ก ราคาถูก ระบายความร้อนได้พอสมควร สามารถส่งผ่านไอเสียออกมาได้ดีพอควร ความทนทานพอใช้ได้ แต่หากใช้ไปนานๆ ความร้อนจะสะสมมาก ทำให้เสื่อมสภาพ ผุ กร่อน เร็วกว่าแบบสแตนเลส
หากใครพอมีเงินหน่อย แนะนำว่าให้ใช้แบบสแตนเลสตีใหม่ทั้งเส้นไปเลย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า ทั้งในเรื่องของกำลังที่เพิ่มขึ้น เสียงที่ดีขึ้น และความทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวๆ แต่ถ้าหากใครมีงบประมาณจำกัด จะเลือกเล่น
     แบบเหล็กก็ได้เช่นกัน แต่ก็ต้องคอยตรวจสอบตรวจเช็กมันบ้าง เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


คำอธิบายว่าทำไมตำรวจตั้งด่านบนทางหลวงได้


คำอธิบายว่าทำไมตำรวจตั้งด่านบนทางหลวงได้ : คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4946/2555




ผู้เขียนได้รับการร้องขอให้ช่วยอธิบายประเด็นนี้  เบื้องต้นได้ตอบกลับไปว่าด้วยประสบการณ์ทำงานรับแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ตั้งด่านมีทั้งจับคดีฆ่าคนตาย, ทำร้ายร่างกาย, ทะเลาะวิวาท,ยาเสพติด, ป่าไม้, ค้ามนุษย์, แม้กระทั่งหมายจับคดีเช็ค  ก็เห็นตำรวจที่ตั้งด่านจับมาส่งและดำเนินคดีส่งฟ้องไปก็ไม่เคยเห็นอัยการสั่งไม่ฟ้องหรือศาลยกฟ้องในประเด็นที่ว่าตำรวจไม่มีอำนาจตั้งด่านในทางหลวง
สำหรับในทางปฏิบัติแล้วผู้เขียนเห็นว่าการตั้งด่านมี  3  ลักษณะ
  1. ด่านถาวร ซึ่งตั้งในจุดตรวจสำคัญและคอยบริการประชาชน  ด่านในลักษณะนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะมีการตั้งตลอดเวลา  เช่น ด่านตรวจที่ อ.ทรงธรรม จว.กำแพงเพชร และด่านลักษณะนี้มักจะจับกุมยาเสพติดหรือผู้กระทำความผิดได้บ่อยๆ  เช่น
http://www.thairath.co.th/content/502098
และเกิดผลในทางปฏิบัติในการขยายผลการจับกุมต่อไป

2.ด่านชั่วคราว ซึ่งตั้งตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา  โดยทั่วไปตามระเบียบจะมีผู้บังคับการเป็นคนลงนามสั่งการและมีร้อยตำรวจตรีขึ้นไปเป็นผู้ควบคุมดูแล  เมื่อไม่มีความจำเป็นก็ยกเลิก

  1. ไม่ใช่ด่านตรวจแต่ลักษณะของการปฏิบัติเหมือนด่านตรวจ เช่น กรณีเกิดเหตุปล้นธนาคาร เจ้าหน้าที่สายตรวจก็จะไปประจำจุดตามที่เคยฝึกซ้อมไว้ ลักษณะก็จะเหมือนด่านเพื่อตรวจค้นผู้ต้องสงสัย  หรือกรณีฉุกเฉินเกิดอุบัติเหตุรถชนกันจำนวนมาก  ตำรวจอาจจำเป็นต้องปิดทางไว้ชั่วคราว
ซึ่งความจริงแล้วตำรวจเองไม่เรียกว่า ” ด่าน ” ทุกกรณีไป แต่เรียกว่า จุดตรวจ , จุดสกัด  ฯลฯ  ปัญหาที่เกิดความเคลือบแคลงใจในการปฏิบัติหน้าที่น่าจะมาจากด่านชั่วคราวที่ตำรวจเรียกว่า จุดตรวจ   และ  การปฏิบ้ติหน้าที่สายตรวจที่หยุดเรียกตรวจ

กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ทางหลวง
มาตรา  38  บัญญัติว่า   “ห้ามมิให้ผู้ใดติดตั้ง แขวน วางหรือกองสิ่งใดในเขตทางหลวงในลักษณะที่เป็นการกีดขวางหรืออาจเป็นอันตรายแก่ยานพาหนะ หรือในลักษณะที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวงหรือความไม่สะดวกแก่งานทาง เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงในการอนุญาต ผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้”
การอนุญาตตามวรรคหนึ่ง เมื่อมีความจำเป็นแก่งานทางหรือเมื่อปรากฏว่าผู้ได้รับอนุญาตได้กระทำการผิดเงื่อนไขที่กำหนดในการอนุญาต ผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงจะเพิกถอนเสียก็ได้
ในกรณีที่การกระทำตามวรรคหนึ่งได้กระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ให้ผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำการดังกล่าวรื้อถอน ทำลาย หรือขนย้ายสิ่งที่ติดตั้ง แขวน วางหรือกองอยู่ภายในกำหนดเวลาอันสมควร ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงมีอำนาจรื้อถอน ทำลาย หรือขนย้ายสิ่งที่ติดตั้ง แขวน วางหรือกองอยู่ โดยผู้นั้นจะเรียกร้องค่าเสียหายไม่ได้และต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการนั้น

“มาตรา ๓๙  ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการปิดกั้นทางหลวง หรือวางวัตถุที่แหลมหรือมีคม หรือนำสิ่งใดมาขวางหรือวางบนทางหลวง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ บนทางหลวงในลักษณะที่อาจเกิดอันตรายหรือเสียหายแก่ยานพาหนะหรือบุคคล”
แล้วบอกว่าตำรวจตั้งด่านบนทางหลวงไม่ได้นั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างน้อยใน  2 ประเด็น
กล่าวคือ..-
ประเด็นแรก เรื่องลำดับศักดิ์ของกฎหมาย  หากพิจารณาในแง่ของการบังคับใช้แล้ว ( มิได้ดูในเรื่องบ่อเกิด ) ในเมื่อ พ.ร.บ.ทางหลวงฯ  มิได้กำหนดวิธีการตรวจค้น จับกุมไว้แล้ว  การตรวจค้น จับกุม คุมขัง ประกันตัว การตรวจยึดของกลาง  ก็ล้วนนำหลักในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และ ประมวลกฎหมายอาญา มาใช้ทั้งสิ้น
โปรดดูเพิ่มเติมที่   https://cassikuru.wordpress.comความรูพื้นฐานเรื่องกฏห/ลำดับชั้นของกฎหมายในปร/

ผู้ที่ศึกษากฎหมายหรือนักกฎหมายคงทราบดีอยู่แล้วว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้นให้อำนาจเจ้าพนักงานในการค้นในที่สาธารณะได้ในกรณีที่มีเหตุอันควร   ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 ( 3  ) สาธารณสถาน  หมายความว่า. สถานที่ใดๆ   ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้.

ตัวอย่างจากคำพิพากษาศาลฎีกา
ฎ. ที่๑๓๖๒/๒๕๐๘  วินิจฉัยว่า ร้านค้า เป็นสาธารณสถาน
.ฎ. ที่๑๗๓๒ /๒๕๑๖  วินิจฉัยว่า  ร้านกาแฟ  เป็นสาธารณสถาน
ฎ. ที่๘๘๓/๒๕๒๐ วินิจฉัยวางหลักว่า  สถานที่ใดจะเป็นสาธารณสถานหรือไม่  ไม่คำนึงถึงว่า
สถานที่นั้น  จะเป็นสถานที่ผิดกฎหมายหรือไม่ . เพียงแต่พิจารณาว่าสถานที่นั้นประชาชนมีความชอบธรรม

ที่จะเข้าไปได้หรือไม่  สถานค้าประเวณีถือได้ว่าเป็นสถานที่ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้
จึงเป็นที่สาธารณสถาน ไม่ใช่ที่รโหฐาน.
และทางหลวงก็เป็นสถานที่สาธารณะ หากมีเหตุผลอันสมควรเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถตรวจค้นได้รวมไปถึงกรณีรถยนต์ด้วย  ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความสงบเรียบร้อยภายในสังคมตามอำนาจหน้าที่
โปรดดูร่วมกับ คำพิพากษาฎีกาที่  ๑๓๕๓๕/๒๕๕๓

เจ้าพนักงานตำรวจย่อมมีอำนาจและหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนและทำการจับกุมปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายได้  นอกจากนี้ยังมีอำนาจสืบสวนคดีอาญาได้ตามมาตรา  ๒(๑๖)(๑๗)  และมาตรา  ๑๗  ซึ่งเป็นไปโดยผลกฎหมาย  ดังนั้น  ร้อยตำรวจเอก  ป.  จึงมีอำนาจจับกุมควบคุมตัวจำเลย  ประกอบจนการจัดทำเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องในอำนาจหน้าที่ได้ หาใช่จะเป็นเจ้าพนักงานตำรวจหรือไม่นั้น  ขึ้นอยู่กับการลงบันทึกประจำวันว่าออกไปปฏิบัติแต่อย่างใดไม่


ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วตำรวจจึงสามารถตั้งด่านเพื่อเรียกตรวจค้น,จับกุมบนทางหลวงอันเป็นสถานที่สาธารณะได้  หากมีเหตุอันควรตามที่กฎหมายกำหนดไว้
เมื่อกฎหมายในระดับประมวลกฎหมายให้อำนาจไว้แล้ว  จึงไม่ต้องไปดูในเรื่องพระราชบัญญัติอีก เพราะเป็นกฎหมายในลำดับศักดิ์ที่ด้อยกว่าในแง่ของการบังคับใช้     หากมีปัญหาต้องดูอำนาจตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
และ พ.ร.บ.ทางหลวงนั้นมีวัตถุประสงค์  ดังนี้คือ. –

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยทางหลวงได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน บทบัญญัติต่าง ๆ ที่ใช้ในการควบคุมดูแลรักษาทางหลวงยังไม่เหมาะสม และมาตรการสำหรับดำเนินการกับผู้ฝ่าฝืนยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร และปรากฏว่าได้มี (1) การใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าที่กำหนดบนทางหลวง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวง และความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ยานพาหนะบนทางหลวง นอกจากนั้น ยังปรากฏว่า(2) มีการใช้ทางหลวงเพื่อการชุมนุมประท้วงยื่นข้อเรียกร้องจากทางราชการและโดยที่ได้มีการยกฐานะของสุขาภิบาลเป็นเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงฐานะของสุขาภิบาลเป็นเทศบาลแล้ว สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยทางหลวงเสียใหม่เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ยกเลิกบทบัญญัติที่เกี่ยวกับสุขาภิบาล และกำหนดให้ผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงมีอำนาจเปรียบเทียบปรับสำหรับความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียวได้รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น  จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

จะเห็นได้ชัดเจนว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้ต้องการบังคับใช้กับผู้ที่ใช้ยานพาหนะบรรทุกน้ำหนักเกินและผู้ที่ประท้วงโดยใช้ทางหลวงเป็นข้อต่อรองกับทางราชการ   ไม่ได้ใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายและในการปฏิบัติเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้  ก็ต้องใช้ตำรวจเป็นผู้เข้าไปตรวจค้น – จับกุม ยกตัวอย่างเช่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4946/2555
  • ม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 มาตรา 44 วรรคหนึ่ง ซึ่งใช้บังคับขณะเกิดเหตุจะบัญญัติให้บุคคลมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธก็ตาม แต่ก็มิได้หมายความว่าประชาชนจะสามารถใช้เสรีภาพของตนโดยปราศจากขอบเขตหรือไปละเมิดต่อสิทธิของประชาชนผู้อื่นด้วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่ใช้เสรีภาพดังกล่าวถึงขั้นเป็นการละเมิดหรือกระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง เพราะกฎหมายที่ตราออกมาใช้บังคับต่อประชาชนทุกคนย่อมมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดระเบียบและรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและประชาชนเป็นสำคัญ ดังนั้น หากมีการกระทำอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย ก็จะอ้างว่าเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญโดยถือเป็นการชุมนุมโดยสงบหาได้ไม่ การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 กับพวกใช้ไหล่ทางของถนนเพชรเกษมอันเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงเป็นที่ตั้งเต็นท์รวมทั้งวางสิ่งของต่าง ๆ จึงเป็นการกีดขวางและอาจเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือยานพาหนะที่สัญจรไปมาในทางหลวงแล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 จะอ้างว่าไม่มีเจตนาเนื่องจากถูกเจ้าพนักงานตำรวจขัดขวางมิให้เดินต่อไปหาได้ไม่ เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ย่อมเล็งเห็นผลจากการกระทำของตนว่าการตั้งสิ่งของเหล่านั้นกีดขวางและอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและยานพาหนะที่สัญจรไปมาบนทางหลวงได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 กระทำไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการทางหลวงการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 จึงเป็นความผิดตามฟ้อง
ตามคำพิพากษาในคดีนี้ แม้แต่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องเป็นผู้บังคับใช้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่ดี
ยกตัวอย่างเช่น กรณีพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งเหตุรถชนกันจำนวนมาก  ก็ดำเนินการตั้งกรวย จอดรถปิดถนนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำ  โดยใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  และก็ไม่เคยมีใครมาดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนในความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง.
ประเด็นที่สองที่ผู้เขียนเห็นว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดในปรัชญากระบวนการใช้กฎหมายอาญา  ซึ่งเป็นเรื่องถ่วงดุลระหว่างความมีประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อย  กับสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาหรือจับกุมที่จะต้องได้รับการเคารพในกระบวนการยุติธรรม    แต่การนำเรื่องสิทธิของพลเมืองมาปะปนกับเรื่องประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายนั้นโดยไม่เข้าใจจะทำให้เกิดปัญหา เช่น คำพิพากษาฎีกาที่  4946 /2555
และอาจทำให้เกิดปัญหาคนใช้ทางหลวงเป็นพื้นที่กระทำความผิดหรือแม้กระทั่ง กรณี มึงกราบรถกูหรือทะเลาะวิวาท ฯลฯ  เพราะขนาดมีการตั้งด่านป้องกันเหตุยังมีคนไม่เคารพกฎหมายเป็นจำนวนมาก  ตัวอย่างเช่น  เรื่องสิบตำนานขาโหด
โปรดดูเพิ่มเติมที่
http://petmaya.com/10-legendary-thai-racers

กรณีที่สามหากไม่มีป้อมตำรวจที่อยู่ข้างทาง  ผู้เขียนดูแล้วผู้กระทำความผิดคงไม่เลิกสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น
ส่วนกรณีว่าจำนวนคนเท่าใดถึงเป็นด่านนั้นขึ้นกับยุทธวิธีและสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในแง่บริบทต่างๆ  ในกรณีกำลังพลไม่เพียงพอสองคนก็อาจจำเป็นต้องตั้งด่าน การตรวจค้น เป็นยุทธวิธีที่ตำรวจใช้ทั่วโลก  หากตำรวจไม่ตั้งด่านก็อาจจะต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บินตรวจ (ซึ่งแน่นอนว่างบประมาณยังไม่มี) หรือติดตั้งกล้องวงจรปิดแทน  ฯลฯ  รวมไปถึงยุทธวิธีอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอยู่ดี
ด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้เขียนจึงเห็นว่าตำรวจตั้งด่านเป็นทางหลวงได้  เพราะไม่มีภารโรงที่ไหนต้องไปขออนุญาตเจ้าของตึกทำความสะอาด  หรือ  มือขวาต้องไปขออนุญาตปากก่อนแปรงฟัน ก็เป็นเรื่องผิดธรรมชาติ  เพราะกระทำไปเพื่อประโยชน์สุขหรือความสงบเรียบร้อยร่วมกันตามกลไกของรัฐ
ส่วนกรณีที่ท่านเห็นว่าเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำความผิด มีระบบรองรับมากมายอยู่แล้วขอให้พิจารณาดำเนินการเอาเถิด แต่มิใช่เปิดเจอตัวบทกฎหมายแล้วตีความเอาเอง  เพราะกฎหมายแม้ไม่มีสถาบันการศึกษาไหนสอน พ.ร.บ.ทางหลวง ในหลักสูตร แต่สามารถใช้นิติวิธี  (juris method) ในการตีความอยู่แล้ว หากท่านต้องการจะทำความเข้าใจก็สามารถศึกษาได้ แต่ไม่ใช่อ่านแล้วทำความเข้าใจเอาเอง มิเช่นนั้นมหาวิทยาลัยต่างๆ  คงต้องยุบคณะนิติศาสตร์ ไปรวมกับคณะอักษรศาสตร์แล้ว.
โดยบทสรุปแล้ว

ประการแรก หากมีตำรวจอยู่บนถนนหลวง  สุจริตชนย่อมสามารถพึ่งพาอาศัยได้  แม้เจ้าหน้าที่คนนั้นจะทุจริตซึ่งเป็นอาชญากรรมที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ  ก็ยังมีทางเลือกดำเนินการขั้นตอนของกฎหมายไม่ว่าจะเป็นทางปกครองของเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง หรือทางคดีอาญา รวมไปถีงหน่วยงานที่ตรวจสอบการทุจริตต่างๆ   เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในเชิงเยียวยา
แต่ประการที่สอง หากไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บนทางหลวง  สุจริตชนมีทางเลือกอยู่เพียงทางเดียวคือใช้หลักการช่วยหลือตนเองคือการป้องกันตนเอง  ซึ่งก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย หากเกินสัดส่วนไปก็ต้องรับผิดทางอาญาอีก    และหากไม่สามารถป้องกันตนเองได้ก็ต้องตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม .

เรียบเรียง : kcycar.com
ข้อมูล : ธรรมอาญา
ที่มา : https://thamaaya.wordpress.com
รูปภาพ : http://www.phitsanulokhotnews.com/


ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook