“โช้คอัพ” เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยรองรับแรงกระแทก
ลดแรงสั่นสะเทือนของรถ คอยหน่วงการเคลื่อนที่ขึ้นลงของช่วงล่าง-ตัวถัง
ช่วยการทรงตัวของรถยนต์ และดูดซับการสั่นของสปริงทำให้การรถเด้ง ขึ้น-ลง
ของรถยนต์เป็นไปอย่างนุ่มนวล ลองมาดูกันว่าโช้คอัพที่คุณใช้เป็นแบบไหน และอาการรถเช่นไรถึงต้องเปลี่ยนโช้คอัพ
|
โช้คอัพมีอยู่ 2 ระบบ
1.โช้คอัพระบบ “น้ำมัน”
เป็นการทำงานด้วยระบบไฮดรอลิค
ในขณะที่ทำงานน้ำมันไฮดรอลิคจะไหลผ่านวาล์วภายในลูกสูบ มีการควบคุมวาล์วอยู่ 3
ระดับ
โดยการทำงานของวาล์วจังหวะแรก BLEED จะมีผลต่อการขับขี่โดยเฉพาะในอัตราความเร็วต่ำ
ส่วนวาล์วควบคุมน้ำมันระดับที่สอง BLOW OFF จะควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ในอัตราความเร็วปกติ
และวาล์วควบคุมน้ำมันระดับที่สาม ORIFICE วาล์วจะทำงานในขณะแกนโช้คเคลื่อนตัวในขณะที่รถใช้ความเร็วสูง
|
2.โช้คอัพระบบ “แก๊ส”
โช้คอัพแก๊สแรงดันต่ำ
(LOW-PRESSURE GAS SHOCK ABSORBER) โช้คอัพแก๊สแบบนี้
จะมีลักษณะเหมือนโช้คอัพไฮดรอลิคทั่วๆไป แต่มีแก๊สไนโตรเจน (NITROGEN
GAS) บรรจุเข้าไปส่วนบนของห้องน้ำมันสำรองแรงดันประมาณ
142 - 213 ปอนด์/ ตารางนิ้ว โช้คอัพแก๊สแรงดันสูง (HI-PRESSURE
GAS SHOCK ABSORBER) มีลักษณะต่างจากโช้คอัพแรงดันต่ำคือ
โครงสร้างภายในตัวของโช้คอัพจะมีน้ำมันเพียงห้องเดียวไม่มีห้องน้ำมันสำรอง
ภายในกระบอกสูบจะบรรจุน้ำมันไฮดรอลิคไว้ด้านบน และจะอัดแก๊สไนโตรเจนไว้ด้านล่าง
ประมาณ 284-427 ปอนด์/ ตารางนิ้ว
|
อาการรถแบบไหนต้องเปลี่ยนโช้คอัพ
1. ซีลน้ำมันโช้คอัพรั่ว (จะมีน้ำมันไหลออกมา)
2. โช้คอัพ คด งอ ผิดรูปทรง
3. รถเด้งกระด้างกว่าปกติ
4. โช้คมีอาการโยนตัวมาก หลังจากตกหลุม
5. โช้คอัพเสื่อมสภาพ (ใช้งานเกิน 100,000 กิโลเมตร
หรือ 5 ปี)
เรื่องโช้คอัพอาจดูซีเรียสแต่ไม่ยากเกินที่จะเข้าใจ
โช้คทั้ง 2 แบบมี ข้อดี/ข้อเสีย
แตกต่างกันไปรวมถึงงบประมาณค่าใช้จ่าย
ปกติโช้คอัพรถยนต์ที่ติดมากับรถวิศวกรได้คำนวณออกแบบมาให้เหมาะกับลักษณะรถแต่ละรุ่นแล้ว
หากไม่ได้เสียหายหรือหมดอายุการใช้งานก็ใช้โช้คเดิมนั่นแหละไม่ต้องเปลี่ยนใหม่
|
ที่มา : auto.sanook.com
|
ตรวจเช็ก “โช้คอัพ” รถยนต์ให้เกาะถนน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น