แก๊สรั่ว...จงตั้งสติ



        การแก้ปัญหาเบื้องต้นเรา ต้องหมั่นสังเกตโดยปกติ การใช้รถก็ควรจะ “สังเกต” ให้เป็นนิสัย เพื่อจะได้ทราบถึงอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับรถของเรา ไม่ต้องเฉพาะ รถแก๊สอย่างเดียวหรอกนะค่ะ “รถทุกคัน” นั่นแหละ ถึงเวลาเกิดปัญหาก็ไม่สนใจ จนมันเกิดเป็นปัญหาใหญ่นั่นแหละ แล้วจะ รู้สึก!!!

         อีกอย่างหนึ่งแก๊สรั่ว อย่ามัว สติแตก มันไม่ระเบิดทันทีอย่างที่คิดหรอกบางคนได้กลิ่นแก๊สรั่ว ก็พาลจะสติแตกเอาได้ กลัวไฟจะลุก กลัวจะระเบิดตูมตามดังในข่าว จริงๆ แล้ว LPG มันจะไม่ระเบิดทันที เนื่องจากมันเป็นแก๊สหนัก เวลารั่วมันจะลอยไปในอากาศ มันจะไม่ติดไฟกลางอากาศ เพราะแก๊สจะติดติดไฟ และระเบิดได้ จะต้องมีประกายไฟและแรงอัด แต่สำหรับแก๊ส LPG แล้วนั่น โอกาสจะเกิดกำลังอัดจนระเบิดแทบไม่มี เว้นก็แต่รถชนหนักๆ ท่อ แก๊สแตก เกิดการรั่ว เกิดประกายไฟ อันนั้นทำให้ไฟลุกและระเบิดได้ เช่นเดียวกับน้ำมันก็ระเบิดได้ถ้าเจอเคสชนหนักจนท่อน้ำมันแตก ส่วน CNG พวกนั้นจะเป็นแก๊สเบา พอรั่วก็ลอยขึ้นด้านบนอย่างเดียว ขึ้นฟ้าไปเลย เพราะฉะนั้น มันไม่ได้รั่วแล้วระเบิดเลยอย่างที่คิด ยังพอมีเวลาให้ เราแก้ไขปัญหาได้ก่อนอยู่พอสมควร ตรงกันข้าม เรากลับกลัวน้ำมันรั่วมากกว่า เพราะมันเป็นสถานะของเหลว ที่พร้อมจะฉีดพุ่งไปทั่วห้อง เครื่อง โอกาสที่จะพุ่งไปโดนพวกของร้อนๆ เช่น ท่อไอเสีย แล้วเกิดไฟลุกนั้นมีมากกว่าด้วยซ้ำ



♦ วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น

- อันดับแรก “ให้ท่านกดปิดสวิทช์ระบบแก๊สก่อน”

         เพื่อตัดการทำงานของแก๊ส ทิ้งไป ให้กลับไปใช้น้ำมัน แต่โดยปกติแล้ว ถ้ารถคุณเป็นแก๊สระบบ “หัวฉีด” ที่รุ่นใหม่ ทันสมัย ก็จะมีระบบตัดแก๊สทันทีเมื่อเกิดการรั่วไหลอยู่ แล้ว เนื่องจากแรงดันแก๊สในระบบที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน จะมีพวก Check Valve คอยจับแรงดันอยู่ ถ้าแรงดันผิดปกติ มันจะสั่งให้ตัด ระบบแก๊สทันที!! แต่ถ้าเป็นระบบแก๊สที่ค่อนข้างจะราคาถูก หรือรุ่นเก่าๆ ก็อาจจะไม่มีระบบเซฟตี้แบบนี้ หรือรถที่ใช้แก๊สแบบ Mixer ธรรมดา พวกนี้จะไม่มีการตัด เพราะเป็นระบบแมนวล ดังนั้น เมื่อท่านมีความรู้สึกว่าแก๊สรั่ว ก็ “กดสวิทช์ปิดแก๊ส” ซะก่อน เพื่อตัดปัญหาในขั้นตอน แรก

- จอดรถเข้าที่ปลอดภัย แล้วปิดวาล์วแก๊ส

         ถ้าปิดสวิทช์แก๊สแล้ว ยังมี กลิ่นแก๊สโชยมาค่อนข้างแรงอย่างต่อเนื่อง อันนี้แสดงว่ามีการรั่วไหลที่ “สาย” หรือ “หัวต่อ” ต่างๆ จากตรงไหนสักที่นี่แหละ ท่านอย่าเพิ่ง ตกใจ พยายามหาที่จอดรถที่ปลอดภัย ไม่ขวางทางจราจร และควรจะเป็นที่ “โล่งโปร่ง” สักหน่อย เพื่อที่จะได้ตรวจสอบได้อย่างสบายและ ปลอดภัย พยายามหาหน่อยละกัน เพราะรถมันยังวิ่งใช้น้ำมันได้อยู่ แก๊สมันคงไม่ระเบิดในทันทีหรอก หลังจากที่จอดรถได้อย่างปลอดภัยแล้ว ให้ดับเครื่อง เปิดฝากระโปรงหน้าและหลัง พยายามหาต้นตอที่มาของกลิ่นแก๊ส ว่ามันมาจากไหน จากห้องเครื่อง หรือจากฝากระโปรง ท้าย

         - ถ้าเป็นกลิ่น จากห้องเครื่อง ก็น่าจะเป็นการรั่วซึมของข้อต่อต่างๆ เช่น สายแก๊ส หัวฉีดแก๊ส บางทีแค่เหล็กรัดท่อยางกับข้อต่อต่างๆ คลายมันก็ รั่วได้แล้ว ผมเคยเจอเอง ข้อต่อเข้าหม้อต้มรั่ว จอดแล้วกลิ่นแก๊สก็ยังโชยอยู่ ไปตรวจดูเจอพอดี มองไปเป็นก้อนน้ำแข็งเกาะที่ข้อต่อ พอไป ดมดูมันก็คือ “แก๊สดิบ”

         - ถ้ากลิ่นมาจาก ด้านหลัง ที่เคยเจอก็มาจากพวกสายเติม สายแก๊สที่เดินไปกลางรถ อาจจะเกิดการแตกหัก (โดยเฉพาะคนที่ชอบขับรถลุย ใต้ ท้องครูดบ่อยๆ) หรือเป็นที่หัวเติมแก๊สรั่วก็ได้ พอเก่าๆ สปริงวาล์วปิดเปิด (ตรงหัวเติม) มันปิดไม่สนิทบ้าง วาล์วค้างบ้าง อันนี้ก็เคยเจอกับตัว เองเหมือนกัน



สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องรถ อาจจะไม่ต้องไปสืบหาต้นตอว่ามันมาจากไหน เพราะท่านคง จะทำเองไม่ได้ รวมถึงคนที่หาต้นตอเจอ แต่ทำตรงนั้นไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลไป วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือ “ปิดวาล์วแก๊สซะ” ตัววาล์วแก๊สจะอยู่ที่ ถังแก๊ส มันจะมีฝาครอบอยู่ รุ่นเก่าจะเป็นฝาเหล็ก รุ่นใหม่จะเป็นฝาพลาสติกใส บางรุ่นก็มีวาล์วสองตัว ตัวหนึ่งวาล์วเติม ตัวหนึ่งวาล์วส่งแก๊ส เข้าเครื่อง ลักษณะมันก็เป็นเหมือน “ลูกบิด” หรือ “ก๊อกน้ำ” ปิดไปทางขวามือ เหมือนกับท่านปิดก๊อกน้ำนั่นแหละ อันนี้เป็นการปิดไม่ให้แก๊ส ไหลออกจากถัง ตัดต้นตอกันไปเลย แต่กลิ่นอาจจะยังไม่หายไปเสียทีเดียว เพราะว่ามันยังมี “แก๊สค้างสาย” อยู่ ต้องรอสักพัก แต่อย่างไรก็ ตาม ปิดวาล์วแก๊สซะก่อนก็อุ่นใจดี



 ขอบคุณข้อมูลจาก : rongrod

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น