เปิดตำนาน HONDA CIVIC รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน

       
กำเนิด Civic เปิดตำนานรถครอบครัว
Honda civic  เป็นผลงานชิ้นเอกของ Honda ตั้งแต่อดีตมาจวบจนปัจจุบัน โดยโครงการผลิตรถยนต์รุ่นนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1972 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจมีการเติบโตค่อนข้างสูง ประกอบกับกำลังจะมีงาน Osaka Expo และ Sapporo Winter Olympic และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนา Honda Civic


ช่วงแรก Honda แนะนำในรุ่น 2 ประตู ช่วงเดือนกรกฏาคม ก่อนตามมาด้วยเรือนร่างตัวถัง 3 ประตู และ 5 ประตู ในช่วงเดือนกันยายน ตอบโจทย์ด้วยเครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหน้า ขนาด 1169 ซีซี แต่ที่โดดเด่นคือภายในที่ดีเทียบเท่ากับรถยนต์ Mini จากเกาะอังกฤษ
แรกๆ Civic ยังไม่มีออพชั่นมันมาพร้อมระบบต่างเพียงแค่ตอบสนองการใช้งาน เช่น ระบบปัดน้ำฝน 2 สปีด ล้อสีธรรมดา กับน็อตล้อชุดโครมเมี่ยม  แต่ในปี 1973 เกิดภาวะวิกฤติการณ์น้ำมัน หรือ Oil Crisis มันก็กลายเป็นที่นิยม และ Civic เป็นรถไม่กี่รุ่นที่สามารถตอบโจทย์ความประหยัดได้ ทั้งยังใช้น้ำมันไร้สารตะกั่วได้ ก่อนจะมีการแนะนำเครื่องยนต์ที่เรียกว่า CVCC  หรือ Compound Vortex Controlled Combustion เพื่อตอบสนองในการเข้าไปรุกตลาดรถยนต์ในอเมริกา ที่มีความเข้มงวดในเรื่องมลภาวะไอเสียและเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ใช่ตัวกรองไอเสีย Catalytic converter เป้นตัวกรอง

โฉม 2 ขยายปรับร่างพร้อมสมรรถนะมากขึ้น
หลังจากประสบความสำเร็จในรุ่นแรก 7 ปีให้หลัง Honda Civic กลับมาอีกครั้ง กับรถยนต์โฉมที่ 2 ของค่าย ที่ยังคงความเป็น Honda Civic เหมือนเดิม แต่มีการปรับเพิ่มให้ทันยุคสมัยมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของสมรรถนะที่มีความประหยัดมากยิ่งขึ้น และการขับขี่ที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น ภายใต้ปรัชญา “High-Quality Car Representing 1980s Values”


ในปี 1981 Honda Civic มีการขยายเรือนร่างเพิ่มขึ้นจากเดิม เติมรุ่น Station Wagon รวมถึงรุ่น 4 ประตู พร้อมนำเสนอระบบเกียร์อัตโนมัติ  Honda-Matic  ซึ่งตอนแรกมีเพียง 2 เกียร์ และตอนหลังถูกเพิ่มให้มี 3 เกียร์ ที่สำคัญรถโฉมนี้ยังได้รับรางวัล  “U.S. Import Car of the Year 1980” จาก นิตยสารรถยนต์  Motor Trend  ด้วย

โฉมเปลี่ยนหน้าตา เริ่มคุ้นหน้าคนบ้านเรา
Honda Civic  มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโฉม 3 ของรถรุ่นนี้ ที่เริ่มแนะนำในช่วงปี 1983 ภายใต้ปรัชญา “Maximum Space for People, Minimum Space for Mechanisms” หรือพื้นที่กว้างสำหรับคน,น้อยลงสำหรับเครื่องจักร ถือเป็นอะไรที่สร้างความแตกต่าง
ตัวรถมีการผลิตออกมาตอบสนองโจทย์การใช้งานหลายแบบทั้ง 3, 4 และ 5 ประตู แต่ที่โดดเด่น คือ ในปี 1984 หรือ พ.ศ. 2527  Honda ได้แนะนำเครื่องยนต์แบบแคมคู่เข้ามา โดยนำเอาเทคโนโลยีของบริษัทจากรถแข่งสูตร 1 หรือ Formula-1 มาสู่ถนนและเปิดตัวด้วยชื่อ Honda Civic  Si ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส ZC  ให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า และนอกจากนี้ยังมีการปรับแต่งระบบช่วงล่างให้ตอบสนองมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นต้นกำเนิดเวอร์ชั่นสปอร์ตในรถรุ่นนี้


สิ่งที่เปลี่ยนแปลงใน Honda Civic โฉม 3 ยังมีเรื่องการออกแบบที่ดูลงตัวมากยิ่งขึ้น มากับเส้นสายหลังคายาวถือว่าล้ำยุคมากในช่วงนั้น ทำให้มันได้รับรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 1984 ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนทางฝั่งอเมริการถรุ่นนี้ก็ขึ้นชื่อว่า “ใช้น้ำมันอย่างคุ้มค่า” จากการทดสอบของ Environmental Protection Agency หรือ EPA
แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่มีแฟนฮอนด้าตัวยงบางคน กล่าวว่า นี่คือ  Honda Civic รุ่นแรกที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยจากข้อมูลที่ได้ทราบรถยนต์ Honda Civic  รุ่นนี้เข้ามาจำหน่ายในช่วงปี พ.ศ. 2527-2529 โดยเป็นรถยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่น แต่หลายคนอาจจะไม่คุ้นหน้าตามันมากนัก ก่อนที่รุ่นต่อมาจะเป็นรถยนต์ที่ประกอบในประเทศไทย

โฉม 4 รุ่นนี้ที่คนไทยคุ้นหน้าในนาม “ซีวิคเตารีด”
ตำนาน Honda Civic ยังคงความเป็นรถยนต์ที่ประหยัดชั้นนำอย่างต่อเนื่อง และในโฉมที่ 4 ของรถรุ่นนี้คือครั้งแรก ที่ Honda Civic เข้ามาจำหน่ายในไทยอย่างจริงจัง ในรหัสตัวถัง EF หรือที่บางคนอาจจะเรียกว่า “Honda Civic  รุ่นเตารีด” จนชินปาก แต่ก็มีบางคนบอกว่านี่คือ “โฉมท้าย 2 ชั้น”


รถรุ่นนี้เริ่มแรกเข้ามาขายในนามของบริษัท ฮอนด้า คาร์ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เข้ามาตั้งบริษัท ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 ในบ้านเรา โดยในไทยมีจำหน่ายเฉพาะ 4 ประตูเท่านั้น แต่ก็เป็นรถรุ่นหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าทนทาน ดูแลรักษาง่าย ทำให้ปัจจุบันแม้จะผ่านไปกว่า 20 ปี เราก็ยังพอจะเห็นรถรุ่นนี้วิ่งอยู่บนถนน ในสภาพดี

โฉม 5 พลิกชะตากับกำเนิด 3 ประตู 
ในการกลับมาของ รถยนต์  Honda Civic โฉมที่ 5 หลายคนในบ้านเรามักจะเรียกันสับสนว่านี่คือโฉมเตารีด แต่ไม่ว่าอย่างไร มันคือรถรุ่นที่ขึ้นชื่อมากในรหัสตัวถัง EG สร้างความสง่าผ่าเผยในตลาดด้วยทรวดทรงที่โค้งมล ดูดีกว่าจนหลายคนหามาครอบครองกัน อันนี้ผมยังจำได้ติดตาตอนช่วงที่ผมวัยรุ่นและได้เห็นรุ่นนี้เป็นครั้งแรก บอกได้เลยว่าสวยจับใจ ดูทันสมัยมากๆและก็ชอบขึ้นมาเลยทีเดียว และรุ่นนี้เอง ที่บ้านผมก็ได้ซื้อมาใช้อยู่ 16 ปี และต้องยอมรับว่าของเค้าดีจริงๆ


การเปลี่ยนทรวดทรงให้โค้งมลลบเหลี่ยมของรถทุกจุดออกไปสร้างความทันสมัยปราดเปรียวดูดี โดยเริ่มแรกมาพร้อมโฉม 4 ประตูซีดานที่ได้รับความนิยม และต่อมาไม่นานมีการวางจำหน่ายในเวอร์ชั่น 3 ประตู เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และ รถ ซีวิค รุ่นนี้ที่เป็น 3 ประตู ถูกเรียกว่า “ซีวิค 3 ประตู” หรือบางคนเรียกมันว่า “สามดอร์”  ซึ่งเป็นหนึ่งในรถมือ 2 ที่มีราคาตกน้อยที่สุดในตลาดเพราะได้รับความนิยมในความสปอร์ตของตัวรถที่ยังดูดีอยู่จนปัจจุบันแถมยังสามารถนำมาแต่ง และยังมีความเป้นซิตี้คาร์เข้ากับยุคสมัยดูแล้วไม่เก่า
จุดเปลี่ยนสำคัญอีกประการของ Honda Civic ในโฉมที่ 5 นี้ยังมีเรื่องเครื่องยนต์เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ โดยในช่วงกลางโฉมรถรุ่นนี้มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเดิมที่เป็นคาร์บูเรเตอร์ ก็แนะนำสู่หัวฉีด โดยใช้ตัวอักษรย่อ I ในการแทนรุ่นหัวฉีด ต่อจากอักษรย่อของรุ่น เช่น  LXi  Exi ซึ่งถ้าไม่มีหมายถึงรถเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์นั่นเอง

โฉม  Honda Civic ตาโต หน้าตาที่ยังคุ้นเคยกันดี
จาก Honda Civic EG  วันเวลาก้าวเข้าสู่ปี พ.ศ. 2539  Honda Civic ใหม่ เผยโฉมด้วยการพัฒนาการออกแบบให้ตอบสนองความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเส้นสายที่ดูดียิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้าที่กลมโต ทำให้กลายเป็นฉายาว่า “civic ตาโต”
เรือนร่างที่ปรับแต่งใหม่นี้ถูกแนะนำด้วยเครื่องยนต์ขนาดเดียวคือ 1.6 ลิตร แต่มีระบบเกียร์ให้เลือก 2 รุ่น คือ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ อัตโนมัติ 4 สปีดและพร้อมกันนี้ Honda  ได้เริ่มเฟดสายการผลิตเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ออกไป จนในที่สุด รถยนต์ Honda ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เป็นเครื่องยนต์แบบหัวฉีดทั้งหมด


สิ่งที่เปลี่ยนแปลงสำคัญในรถรุ่นนี้อยู่ที่การปรับโฉมย่อยเป็นครั้งแรก ที่มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางอย่างเช่นกระจังหน้า ไฟหน้า ไฟท้ายและเครื่องยนต์นิดหน่อย เช่นเดียวกับ การนำเสนอรถยนต์ Honda Civic Coupe เวอร์ชั่น 2 ประตูที่นำเข้ามาขายครั้งแรกและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งใต้ฝากระโปรงนั้นมันมาพร้อมเครื่องยนต์รหัส  D16Y ให้กำลังสูงสุด 126 แรงม้า และปัจจุบันซีวิคคูเป้เป็นหนึ่งในรถสปอร์ตคูเป้ที่ยังคงมีราคาดีในตลาดมือสอง
แม้หน้าตารถรุ่นนี้จะดูคุ้นหน้ากันอย่างดี แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว Honda และ Isuzu ได้มีการจับมือเป็นพันธมิตรกันทำให้เกิดเป็นรถยนต์ Isuzu Vertex  ขึ้นมาภายใต้การนำโครงสร้างของ  Honda Civic ไปใช้แปะตราในนาม Isuzu โดย Honda แลกเอากับกระบะ Isuzu ไปแปะตรา Honda  ขายในนาม Tour Master

โฉม 7th Civic ไดเมนชั่น ก้าวล้ำยุค 2000 ยังครองใจ
ในช่วงปี พ.ศ. 2543  Honda Civic  กลับมาอีกครั้ง ด้วยเรือนร่างใหม่ปรับให้โดนใจยิ่งขึ้น และรถรุ่นนี้เป็นหนึ่งในรถรุ่นแรกๆ ในตลาดบ้านเราที่นำหลักอากาศพลศาสตร์เข้ามาใช้ในการสร้างสรรค์ตัวถังเป็นการปรับวิถีการออกแบบรถยนต์ในยุคนั้น


การนำหลักการนี้มาใช้ ทำให้  Honda นำเสนอ Honda Civic ใหม่ด้วยโฆษณาที่ใช้สโลแกนว่า “มุมมองใหม่แห่งยนตรกรรมเหนือระดับ” จึงเป็นที่มาของการเรียกรถรุ่นนี้ว่า “ไดเมนชั่น” แต่ถ้าเรียกกันให้ถูกจริงๆตามหลัก Honda Civic  รุ่นนี้ มีรหัสตัวถังว่า ES  โดยบ้านเราขายเพียงเฉพาะรุ่น 4 ประตูเท่านั้น และเป็น Honda Civic  รุ่นสุดท้ายที่มีเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ระบบช่วงล่างจากปีกนกอิสระ 2 ชั้นไปสู่แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท โดยแนะนำเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.7 ลิตร และมีการพัฒนาระบบไฮบริดสำหรับรถรุ่นนี้ด้วยแต่ไม่ได้วางจำหน่ายอย่างเป้นทางการ แต่มีการมาวิ่งทดสอบในบ้านเรา
ในช่วงปี 2004 Honda Civic มีการปรับโฉมเล็กๆ อีกครั้ง ด้วยการปรับให้เส้นสายตัวถังคมขึ้น ใบหน้าดูโฉบเฉี่ยวขึ้น ทำให้บางคนเรียกรถรุ่นนี้ว่า “ตาเหยี่ยว” โดยการปรับเปลี่ยนดังกล่าวสามารถสังเกตได้จากที่หน้าและไฟท้ายของตัวรถ ที่แตกต่างเล็กน้อย และในรุ่นนี้มีการแนะนำเครื่องยนต์ขนาด 1.7 ลิตร เข้ามาเป็นพื้นฐานใหม่ พร้อมกับการแนะนำเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร VTEC  เข้ามา

โฉม 8  Civic FD  เปิดตำนานใหม่ Civic  
ช่วงปีพ.ศ. 2548 Honda Civic กลับมาอีกครั้งในแบบยกเครื่องใหม่หมดจดด้วยการแนะนำ Honda Civic ใหม่ที่กลับมาภายใต้การปรับเปลี่ยนยกเครื่องพัฒนาเต็มขั้น ด้วยสโลแกน “Rising Spirit” และได้รับความสนใจมาก ด้วยทรวดทรงที่ล้ำสมัยมากเหนือคู่แข่ง มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.8 และ 2.0 ลิตร รวมถึงภายในทันสมัย มีการแนะนำไมล์เรืองแสงแบบ 2 ชั้น พร้อมวัดความเร็วแบบดิจิตอล


Honda Civic รุ่นนี้เป็นหนึ่งในรถที่ขายดีทั่วโลก โดยในปี 2006 สามารถขายไปได้ถึง 16.5 ล้านคัน ก่อนที่ในช่วง พ.ศ. 2551 จะมีการปรับปรุงรถรุ่นนี้ โดยเพิ่มความสามารถให้มันตอบรับความประหยัดได้ด้วยความสามารถในการใช้น้ำมัน E20 ตามนโยบายของ Honda จากภาวะราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นก่อนที่จะปรับหน้าตา และมีเวอร์ชั่นไฟท้าย โดนัทแบบ LED ออกมา
Honda Civic รุ่นนี้เลิกสายการผลิตไปในปีที่แล้ว ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนน้ำท่วม และยังสร้างชื่อก่อนจะลาโฉมนี้ไปด้วยรายวัล  Thailand Car of the Year  ประจำ ปี 2009  ที่สามารถคว้าไปได้ในประเภทกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดไม่เกิน 2,000 ซีซี และยังเป็นรุ่นแรกที่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จับมาแข่งขันในรายการ Civic One Race อีกด้วย

โฉม 9 ตำนานบทใหม่แห่งวันนี้
ตั้งแต่เมี่อต้นปี 2011 Honda Civic กลับมาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรถต้นแบบออกมาอย่างเป็นทางการในต่างประเทศ และความทันสมัยของข้อมูลข่าวสาร ทำให้มันถูกวิพาษ์วิจารณ์ทั่วโลก ด้วยก่อนหน้านี้ในปี 2010 ก็มีภาพสปายช๊อตหลุดออกมาเช่นเดียวกัน


การกลับมาของ Honda Civic  ใหม่ อาจจะไม่สวยงามจากคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากผู้ใช้และผู้เชี่ยวชาญในวงการรถยนต์อย่าง Consumer Report แต่ท้ายที่สุดหลังจากที่ต้องลงตลาดในปีที่แล้วช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป Honda Civic ก็มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2555
การกลับมาในครั้งนี้ Honda Civic ยังคงมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.8 และ 2.0 ลิตรรหัสเดิม โดยแนะนำภายใต้สโลแกน Progressive Soul หรือ สู่ตัวตนแห่งความสมบูรณ์แบบ โดยครั้งนี้ Honda ทุ่มทุนทำให้สามารถรองรับน้ำมัน E85 ได้ และยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบประหยัด Econ Mode  และระบบ Eco Assist ช่วยในการขับขี่อย่างประหยัด โดยมีการแนะนำจำหน่าย 5 รุ่น มีราคาตั้งแต่ 773,000 บาท – 1.124 ล้านบาท
แม้จะเพิ่งเปิดตัวในบ้านเรา แต่ในกระแสต่างประเทศการวิพาษ์วิจารณ์อย่างหนักทำให้  นาย ทากะโนบุ อิโตะ บอสใหญ่ของ Honda ออกมาแสดงความรับผิดชอบและมีการแย้มถึงการเร่งปรับโฉมรถรุ่นนี้ เพื่อให้ตลาดตอบรับดีขึ้น
ถึงแม้ Honda Civic ใหม่ จะเป็นรถที่กล่าวขานในเรื่องของกระแสสังคมต่อรถรุ่นนี้ แต่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตลอดหลายเจนเนเอร์เรชั่นที่ผ่าน Honda Civic คือรถที่ตราตรึงใจคนทั่วโลก ด้วยสมรรถนะความคุ้มค่า ที่วันนี้ New Honda Civic 2012 ก็กลับมาลงตลาดทวงบัลลังค์รถยนต์คอมแพ็คคาร์ ที่เราคงจะต้องจับตากันต่อไปว่า มันจะยังคงความเป็นเจ้าตลาดรถยนต์กลุ่มนี้ได้หรือไม่ หรือจะโดนคู่แข่งแซงหน้าแล้วฉีกหายไปแบบไม่เห็นฝุ่น
Credit ข้อมูล: Sanook Motor และ ณัฐยศ ชูบรรจง


ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น