การดูแลรถยนต์ นอกจากจะต้องคอยเช็กระยะ สังเกตความผิดปกติต่างๆ แล้ว บางครั้งความเสียหาย หรือความผิดปกตินั้น อาจเกิดขึ้นจากสิ่งอื่นๆ ที่เราไม่คาดคิดก็ได้ อย่างเช่น หนูเข้าไปสร้างความเสียหายแก่ห้องเครื่อง หรือถ้าเรียกกันแบบบ้านๆ ก็คือ หนูเข้าไปกัดสายไฟ นั่นเอง
เหตุการณ์แบบนี้ ถ้าคนไม่เคยโดนอาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่หนูเข้าไปวิ่งเล่นขำๆ แต่เชื่อเถอะว่า มันมีผลเสียตามมาอย่างร้ายแรงจนคุณขำไม่ออกเลยทีเดียว เพราะหากระบบไฟ หรือส่วนอื่นๆ ในห้องเครื่องเสียหาย มันยากที่จะหาต้นตอว่าเกิดจากตรงไหน บางครั้งอาจต้องรื้อห้องเครื่องทั้งยวงออกมาดูเพื่อหาสาเหตุกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของกลิ่นฉี่ กลิ่นอึจากหนู ที่บางครั้งอาจหลุดรอดเข้าไปภายในห้องโดยสาร ผ่านระบบแอร์รถยนต์เข้าไปกวนใจระหว่างขับรถอีกด้วย
เหตุการณ์แบบนี้ ถ้าคนไม่เคยโดนอาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่หนูเข้าไปวิ่งเล่นขำๆ แต่เชื่อเถอะว่า มันมีผลเสียตามมาอย่างร้ายแรงจนคุณขำไม่ออกเลยทีเดียว เพราะหากระบบไฟ หรือส่วนอื่นๆ ในห้องเครื่องเสียหาย มันยากที่จะหาต้นตอว่าเกิดจากตรงไหน บางครั้งอาจต้องรื้อห้องเครื่องทั้งยวงออกมาดูเพื่อหาสาเหตุกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของกลิ่นฉี่ กลิ่นอึจากหนู ที่บางครั้งอาจหลุดรอดเข้าไปภายในห้องโดยสาร ผ่านระบบแอร์รถยนต์เข้าไปกวนใจระหว่างขับรถอีกด้วย
และเพราะเหตุนี้ เราจึงรวบรวมวิธีป้องกัน และวิธีไล่เจ้าสัตว์หน้าขนตัวเล็กๆ (หนู) แต่พิษสงร้ายกาจ ไม่ให้เข้าห้องเครื่อง มาให้ได้รับทราบกันดังนี้
1. ทำความสะอาดห้องเครื่อง ไม่ว่าจะทำด้วยตนเอง หรือไปให้ร้านคาร์แคร์ทำให้ก็ได้
2. ทุกครั้งที่เข้าจอดในบ้าน หรือโรงจอดรถส่วนตัว ให้เปิดฝากระโปรงรถทิ้งเอาไว้
3. ใช้อุปกรณ์ดักจับหนู เช่น ยาเบื่อ กรงดัก หรือถาดกาวดักหนู ฯลฯ
4. นำลูกเหม็นไปใส่ในถุงที่เป็นตาข่าย หรือผ้าขาวบาง หรือขวดพลาสติกเจาะรู ฯลฯ แล้วเอาไปวางไว้ตามจุดต่างๆ
5. ใช้พริกป่นผสมน้ำใส่ในกระบอกฟ็อกกี้ (คล้ายๆ ที่ฉีดน้ำยารีดผ้า) ไปพ่นใส่ห้องเครื่อง เน้นบริเวณที่หนูชอบมาเยอะๆ หน่อย
6. สเปรย์ หรือเครื่องส่งสัญญาณไล่หนู ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป
7. ใช้แผ่นปิดใต้ท้องรถแบบพลาสติก หรือแบบเหล็ก เพื่อไม่ให้มีช่องให้หนูมุดเข้าไปได้
8. เลี้ยงแมว หรือสุนัข เอาไว้ช่วยไล่จับหนู
9. ย้ายที่จอดรถ ข้อนี้ต้องสะดวกในการจะย้ายไปจอดที่ใหม่ หรือมีพื้นที่รองรับ ไม่ลำบาก (กรณีควรใช้เมื่อหมดหนทางจริงๆ ไล่หนูแล้วไม่ไป หรือไล่แล้วหนูกลับมาใหม่)
1. ทำความสะอาดห้องเครื่อง ไม่ว่าจะทำด้วยตนเอง หรือไปให้ร้านคาร์แคร์ทำให้ก็ได้
2. ทุกครั้งที่เข้าจอดในบ้าน หรือโรงจอดรถส่วนตัว ให้เปิดฝากระโปรงรถทิ้งเอาไว้
3. ใช้อุปกรณ์ดักจับหนู เช่น ยาเบื่อ กรงดัก หรือถาดกาวดักหนู ฯลฯ
4. นำลูกเหม็นไปใส่ในถุงที่เป็นตาข่าย หรือผ้าขาวบาง หรือขวดพลาสติกเจาะรู ฯลฯ แล้วเอาไปวางไว้ตามจุดต่างๆ
5. ใช้พริกป่นผสมน้ำใส่ในกระบอกฟ็อกกี้ (คล้ายๆ ที่ฉีดน้ำยารีดผ้า) ไปพ่นใส่ห้องเครื่อง เน้นบริเวณที่หนูชอบมาเยอะๆ หน่อย
6. สเปรย์ หรือเครื่องส่งสัญญาณไล่หนู ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป
7. ใช้แผ่นปิดใต้ท้องรถแบบพลาสติก หรือแบบเหล็ก เพื่อไม่ให้มีช่องให้หนูมุดเข้าไปได้
8. เลี้ยงแมว หรือสุนัข เอาไว้ช่วยไล่จับหนู
9. ย้ายที่จอดรถ ข้อนี้ต้องสะดวกในการจะย้ายไปจอดที่ใหม่ หรือมีพื้นที่รองรับ ไม่ลำบาก (กรณีควรใช้เมื่อหมดหนทางจริงๆ ไล่หนูแล้วไม่ไป หรือไล่แล้วหนูกลับมาใหม่)
สาเหตุเล็กๆ แบบนี้ อย่าคิดว่าไม่อันตราย นอกจากรถจะทำพัง เสียหายแล้ว หากขับใช้งานอยู่ แล้วเกิดไฟช็อตกระทันหัน หรือสายน้ำมันเบรคโดนกัดจนรั่ว น้ำมันเบรกไหลออกจนหมด อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ฉะนั้นควรตรวจสอบให้ดี เปิดฝากระโปรงหน้ารถดูบ้าง ว่ามีกลิ่นฉี่ กลิ่นอึ หรือมีร่องรอยหนูเข้ามาอยู่ตรงไหนบ้าง จะได้แก้ไขปัญหาได้ทัน
ที่มา : silkspan.com
เรียบเรียง : kcycar.com
ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น