2. ระบบรองรับน้ำหนัก ต้องตรวจสอบสภาพยางรถ ว่าแข็งกระด้าง เสียงดัง ไม่ยึดเกาะถนน เวลาเข้าโค้งลื่นไถล ซึ่งเป็นสาเหตุของยางหมดสภาพ หรือดูดอกยางหมด และแก้มยางบวมหรือไม่? หากพบไม่ควรใช้ยางที่มีสภาพดังกล่าวอีกต่อไป ยางจะต้องมีสภาพดีและเหลือเนื้ออยู่พอสมควร เพราะการเดินทางไกลจะต้องใช้ความเร็วสูง และยางมีส่วนในการช่วยหยุดรถให้มีประสิทธิภาพขึ้น หากยางเสื่อมย่อมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง และต้องทำการตรวจลมยางก่อนเดินทาง อย่าอ่อนหรือแข็งเกินไป ต้องเติมลมยางให้เหมาะสม ตามคู่มือแนะนำหรือที่ระบุไว้ตรงประตูข้างคนขับด้านใน อาจจะเกินได้นิดหน่อย แต่หากยางนิ่มไปหรือต่ำกว่ากำหนด จะทำให้ยางร้อนเกิดระเบิดได้
นอกจากนี้ต้องตรวจสอบระบบช่วงล่าง เวลาวิ่งมีการทรงตัวเสถียรดี เข้าโค้งแรงๆ ควบคุมได้หรือไม่ ซึ่งต้องตรวจสอบพวกบูชปีกนก หรือบูชลิงก์ต่างๆ และความหนืดของโช๊คอัพผิดปกติไหม ลองให้คนแข็งแรงออกแรงกดรถทีละด้าน การเด้งคืนของรถจังหวะเดียวถือว่าใช้ได้ แต่ถ้ากระเด้งหลายจังหวะ หรือสะดุด ควรนำรถไปให้ช่วงตรวจดู
3. ระบบหล่อเย็น จุดนี้เป็นสิ่งสำคัญที่คนมองข้ามเช่นกัน ควรต้องดูระดับน้ำในหม้อน้ำ/หม้อพักน้ำ อยู่ในระดับหรือไม่ และถ้าไม่เคยเปลี่ยนน้ำเกิน 2 ปี ควรจะต้องทำการเปลี่ยน โดยสัดส่วนระหว่างน้ำกับน้ำยา 70 : 30 และตรวจสอบฝาหม้อน้ำต้องปิดให้สนิท เพราะจะส่งผลต่อการรักษาแรงดัน ช่วยควบคุมจุดเดือดของน้ำ นอกจากนี้ควรจะเช็คการทำงานของพัดลมหม้อน้ำ ติดเครื่องดูการทำงานของพัดลมยังดีอยู่หรือเปล่า เพราะพวกนี้หากทำงานไม่ดีจะส่งผลทำให้เครื่องยนต์ร้อน และยิ่งบวกอากาศร้อนจัดในเดือนเมษายนเช่นนี้ ซึ่งถ้าเกจ์วัดความร้อนขึ้นอย่าฝืนขับเด็ดขาด จะทำให้ฝาสูบโก่ง กลายเป็นเรื่องใหญ่เสียเงินซ่อมเยอะเลยล่ะทีนี้
ที่มา : manager.co.th
ภาพ : frank.co.th
ติดตามข่าวสารยานยนต์ก่อนใครผ่านทาง Facebook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น